เมื่อหลายวันก่อนไปกินโคขุนมาค่ะ แล้วคุณสามีพิมเค้าก็สั่งปลาช่อนเผาเกลือมากิน ปรากฎว่ามันก็อร่อยนะคะ เนื้อปลานุ่มดี ย่างได้สุกกำลังดีเลยค่ะ น้ำจิ้มก็โอเคเลย เสียแต่เนื้อปลามันเละไปหน่อย คงเพราะเป็นปลาเลี้ยงไม่ใช่ปลานา วันนี้พิมอยากกินอีก ก็เลยขอเอาปลาช่อนนาที่แม่ซื้อมาฝาก มาทำปลาช่อนเผาเกลือซะหน่อยค่ะ
พูดถึงปลาเผาเกลือเนี่ย ... นอกจากสามารถใช้ปลาช่อนได้แล้ว ก็ยังสามารถใช้ปลานิล ปลาทับทิบ หรือแม้แต่กระทั่งปลาหมอก็ได้นะคะ ... แต่สำหรับพิมแล้ว พิมชอบแค่ปลาทับทิมกับปลาช่อนเท่านั้นค่ะ แบบว่าปลานิลไม่ชอบเป็นการส่วนตัว ส่วนปลาหมอตัวเล็กไปหน่อย เผาเสร็จแล้วไม่ค่อยเหลืออะไรให้กินเลยค่ะ (แต่อร่อยมากเลยน๊า)
แล้วพอดีกับวันก่อนแม่พิมเค้าซื้อปลาช่อนนาตัวเล็ก (หนักราวๆ 700-800 กรัม) กับตัวใหญ่ ๆ (หนักราวๆ 1.5-2 โล) มาหลายตัว กะว่าจะมาทำห่อหมกขายน่ะแหละค่ะ ซึ่งก็ได้ทำนะคะ ห่อหมก แต่ว่าปลาช่อนมันเยอะเกินไปค่ะ ทำห่อหมกไปแล้ว 100 กว่าห่อ ก็ยังเหลือปลาช่อนอีกตั้งหลายตัว เพราะนั้นแม่ก็เลยยกให้พิมตัวเล็กๆ ตัวนึงค่ะ .. ตอนแรกพิมก็กะว่าจะเอามาต้มยำ กับทำปลาช่อนผัดต้นกระเทียมค่ะ แต่จากการถามความเห็นคุณสามีแล้ว เค้าไม่อยากกิน 2 อย่างนั้น (คือเค้าไม่ค่อยชอบข้าวต้ม-ไม่ชอบต้นกระเทียม >_<") และเค้าก็รีเควสให้พิมทำเป็นปลาช่อนเผาเกลือแทนค่ะ ..... ก็ตกลงค่ะ เผาเกลือก็เผาเกลือ ตามใจคุณสามี ... ก็อยู่กันสองคนนะคะ ไม่ตามใจเค้าแล้วจะตามใจใครเน๊าะ ^__^
ว่าแล้วหลังจากเสียเวลาหมัก + ย่าง ไปประมาณ 1 ชม. ครึ่งนิดๆ พิมก็ได้ปลาช่อนเผาเกลืออกมาหน้าตาแบบนี้ล่ะค่ะ ... น่ากินไหมค่ะ
ซึ่งเจ้าปลาช่อนเผาเกลือเนี่ย .. จะว่าไปเป็นเมนูอาหารที่ใช้เครื่องปรุงน้อยที่สุดเลยก็ว่าได้นะคะ ส่วนจะน้อยแค่ไหนมาดูกันค่ะ
:: ส่วนผสมและเครื่องปรุง ::
- ปลาช่อนนา ตัวอ้วนๆ น้ำหนักประมาณ 8 ขีด ... 1 ตัว
- เกลือป่นแบบธรรมดา 4 ห่อ
- แป้งสาลี 2 ชต.
- ตะไคร้ต้นอวบๆ หอมๆ 2 ต้นใหญ่
:: ส่วนผสมและเครื่องปรุง ::
อันดับแรกก็มาดูปลาช่อนกันก่อนเลยค่ะ ... หน้าตาแบบนี้นะคะปลาช่อน .... ซึ่งปลาช่อนที่พิมเลือกใช้วันนี้เป็นปลาช่อนนาแท้ค่ะ ราคากิโลละ 80 บาท (ซื้อมาได้ราคาถูกมาๆ จากชาวบ้านที่เค้าจับมาขาย) ... ส่วนใครที่อยู่กรุงเทพฯ อยากได้ปลาช่อนนาแท้ๆ และสามารถมาตลาดบางกะปิได้โดยไม่ลำบาก ให้ลองมาดูที่ตลาดบางกะปิ - zone แม่ค้าจากเพชรบุรี ช่วงประมาณ 4 ทุ่ม - ตี 5 นะคะ เค้าจะมีปลาช่อนนามาขาย กิโลนึงก็ 75-100 บาท แล้วแต่ขนาดค่ะ
... ซึ่งจริงๆ ปลาช่อนที่เอามาเผาเกลือเนี่ย ควรจะอ้วนๆ หน่อยนะคะ แต่ว่าปลาพิมสงสัยมันจะขาดสารอาหารค่ะ ผอมแห้งมาก ๆ >_<"
ปลาเนี่ย ... ปกติถ้าซื้อตามตลาดทั่วไป เค้าจะทำมาให้ด้วยค่ะ เราก็เพียงบอกเค้าว่าจะเอาไปทำอาหารอะไร แล้วแม่ค้าเค้าก็จะจัดการปลาที่เราซื้อให้ตามความต้องการของเราค่ะ ส่วนพิมได้มาจากแม่แบบยังเป็นๆ อยู่ ไม่มีใครทำให้ ก็ต้องทำเองค่ะ .....แต่ก็ไม่ยุ่งยากแค่ผ่าตรงท้องปลานิดนึง (ประมาณเล็บนิ้วโป้งของเรา) แล้วก็ดึงไส้ออกมาเท่านั้นล่ะค่ะ เพียงแต่พิมอาจจะทำไม่ค่อยสวยนัก เพราะว่าไม่ค่อยถนัดเรื่องทำปลาเลยอ่ะค่ะ >_<" (ปกติหน้าที่นี้เป็นของน้องชายพิมค่ะ เค้าทำปลาเก่งมากๆ)
พอทำปลาเสร็จ ก็ล้างให้สะอาด .. ถ้ามีเมือกลื่นๆ เยอะๆ อาจจะล้างด้วยการเอาเกลือถูสักรอบสสองรอบ ก็ได้นะคะ .. พอล้างเสร็จแล้วก็ผึ่งใส่ตะกร้าโปร่ง ๆ ไว้ให้สะเด็ดน้ำค่ะ
จากนั้นก็มาจัดการกับตะไคร้ค่ะ ... วันนี้พิมใช้ตะไคร้ที่ปลูกเอง เป็นตะไคร้บ้าน หอมมากๆ .. ก็เอาตะไคร้มาทำความสะอาดนะคะ ตัดโคนให้แหลมสักหน่อย (จะได้เสียบปากปลาได้ง่ายๆ) แล้วก็จัดการทุบโคนตะไคร้ให้แตกเล็กน้อย เพื่อให้หอมๆ ค่ะ
แล้วก็เอามาเสียบเข้าที่ปากปลาช่อน ... เสียบดันเข้าไปลึกๆ จนสุดเลยนะคะ .. แล้วก็พักเอาไว้แป๊บนึง
ต่อมาก็มาดูที่เกลือกันค่ะ พิมใช้เกลือป่นธรรมดาๆ แบบนี้
ก็เอาเกลือป่น 4 ถุงไปเคล้ากับแป้งสาลีสัก 2 ชต. เพื่อให้เกลือเกาะติดกันง่ายขึ้น และถ้ามันแห้งเกินไป ก็พรมๆ น้ำลงไปหน่อยก็ได้ค่ะ
แล้วก็เอาเกลือที่เราผสมไว้แล้วมาจัดการพอกลงไปบนตัวปลาแบบนี้ ... พอกให้มิดเลยนะคะ แล้วก็พักไว้ประมาณ 20 นาที
พอพักปลาครบตามเวลาที่กำหนดไว้ ก็นำปลาขึ้นไปย่างบนเตาถ่านนะคะ
โดยใช้ไฟกลาง ๆ ก็พอ .. อย่าแรงมาก เดี๋ยวปลาจะไหม้ก่อนจะสุก แต่ก็อย่าให้ไฟอ่อนเกินไป เดี๋ยวปลามันจะไม่สุกสักกะที
ก็ย่างไปย่างมา ... ประมาณ 40 นาที - 1 ชม. (ขึ้นกับความอ้วนของปลา และความแรงของไฟ) เกลือที่พอกบนตัวปลาก็จะไหม้ประมาณนี้ ..... แสดงว่าปลาสุกแล้วนะคะ
ซึ่งพอปลาสุก .. เราก็จะได้ปลาช่อนเผาเกลือออกมาหน้าตาประมาณนี้อ่ะค่ะ
ซึ่งคนที่หัดทำปลาเผาเกลือแรก ๆ อาจจะงงว่า แค่เกลือไหม้ จะรู้ได้ไงว่าปลาสุกแล้ว .... ก็ให้ลองเอาไม้แหลมๆ อย่างไม้จิ้มลูกชิ้นแทงเข้าไปในเนื้อปลาดูนะคะ ... ถ้าทิ่มไปแล้ว ปรากฎว่าน้ำแดงๆ ในตัวปลาไหลออกมา แสดงว่าปลายังไม่สุกนะคะ ต้องย่างต่ออีกนิดนึง (อาจจะสัก 5 นาที) ... แต่ถ้าทิ่มไปแล้วรู้สึกว่าเนื้อปลามันนิ่ม ๆ แต่ไม่มีน้ำในตัวปลาไหลออกมา ... แสดงว่าปลากำลัง "สุกกำลังดี" ค่ะ .... แต่ถ้าทิ่มไปแล้ว มันให้ความรู้สึกประมาณว่าทิ่มได้พรวดรวดเดียวถึงกระดูกกลางของตัวปลา และไม่มีน้ำอะไรไหลออกมาเลย แสดงว่า "ปลาสุกเกินไป (แห้ง)" แล้วค่ะ .. อันนี้ต้องรีบเอาลงล่ะนะคะ .. ซึ่งปลาช่อนของพิมในวันนี้เป็นแบบหลังนี่แหละค่ะ >_<" เผลอตัวไปทำกับข้าวอีกอย่าง ลืมดูปลาช่อนที่กำลังย่างอยู่ ปรากฎว่ากว่าพิมจะรู้สึกตัว ปลาก็สุกเกินไปแล้วค่ะ แอบเสียดายอ่ะ ... แต่ก็ไม่เป็นไร ยังโอเคอยู่ค่า
พอได้ปลาช่อนที่สุกเรียบร้อยแล้ว หากเรายังไม่กินก็เอาไว้อย่างนั้นก่อนค่ะ แต่ถ้าจะกินแล้ว ก็ให้เราค่อยๆ เอาปลายช้อยส้อมแซะหนัง+เกล็ดที่พอกเกลือไว้ออก ... แล้วเราก็จะได้ปลาเนื้อขาวๆ แบบนี้อ่ะค่ะ
ซึ่งพอได้ปลาแล้ว เราก็จะต้องมีน้ำจิ้มด้วย ... วันนี้พิมก็ทำน้ำจิ้มเอาแบบง่ายๆ เลยค่ะ ด้วยการโขลกพริกขี้หนูสีแดง + รากผักชี + กระเทียมไทย แล้วปรุงรสด้วยน้ำมะนาว น้ำกระเทียมดอง กับน้ำปลา (ไม่ได้ใส่น้ำตาล) .... ให้มีรสกลมกล่อม ก็เป็นอันใช้ได้ล่ะค่ะ
แต่สำหรับบางคนอาจจะไม่ชอบน้ำจิ้มแบบนี้ ก็อาจจะละลายน้ำมะขามเปียกแล้วปรุงรสด้วยข้าวคั่ว พริกขี้หนูแห้งคั่วป่น น้ำตาลนิดนึง แล้วใส่ต้นหอมซอย ผักชีฝรั่งซอยหน่อย ... แบบนี้ก็ได้เหมือนกันค่ะ
และยังมีน้ำจิ้มอีกประเภทนึงที่เหมาะกับปลาช่อนเผาเกลือแบบนี้ก็คือ เอามะเขือเทศไปเผา เผาเสร็จก็ปอกเปลือกออก แล้วนำเอาเฉพาะเนื้อมาสับละเอียด โขลกให้แหลกพอประมาณ แล้วปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียก น้ำมะนาว น้ำปลา พริกขี้หนูบดละเอียด ให้ได้รสเปรี้ยวๆ เผ็ดๆ เค็มหวานนิดนึง ก็ใช้ได้เหมือนกันค่ะ
หรือจะน้ำจิ้มแบบนี้ก็ได้ค่ะ ..... (วิธีทำน้ำจิ้มแบบในภาพด้านล่าง...คลิ๊กเลยค่ะ)
และแล้ว .... เราก็จะได้ปลาช่อนเผาเกลือพร้อมน้ำจิ้มออกมาหน้าตาแบบนี้นะคะ กินกันเพลินๆ กับคุณสามี ... อร่อยดีค่ะ (รู้สึกว่ามัน Healthy มากๆ) .... หมดไปทั้งตัวใน 1 มื้อ (เสียดายว่าย่างแห้งไปนิดนึง >_<")
ยังไง ... เพื่อนๆ ที่สนใจลองไปทำดูกันนะคะ เผื่อจะชอบเมนูสุขภาพๆ แบบนี้อ่ะค่ะ