เนื่องจากว่าวันนี้ไม่รู้จะทำอะไรกินดี เลยไปค้นตู้เย็นแล้วเจอสะตอที่แม่พิมแกะใส่ตู้เย็นเอาไว้ตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว เจอกระดูกหมูอ่อนๆ ที่คุณสามีเพิ่งซื้อมาเมื่อวาน เจอพริกแกงคั่วที่แม่ตำเอาไว้ .... ก็เลยตัดสินใจทำเมนูนี้ล่ะค่ะ
พูดถึงอาหารจานนี้เนี่ย .... ต้นฉบับมาจากแกงเผ็ดสะตอแบบของใต้ที่พิมเคยได้กินที่บ้านสามีเมื่อหลายปีก่อนอ่ะค่ะ แต่ว่าพิมเองชอบพริกแกงแบบภาคกลางมากกว่า ก็เลยลองเอาสะตอมาแกงกับพริกแกงภาคกลางดู และหลังจากลองทำ ลองจับโน่นใส่นี่ ปรับตรงโน้นนิดตรงนี้หน่อย ก็ได้มาเป็นแกงคั่วกระดูกอ่อนหมูกับสะตอแบบภาคกลางหน้าตาประมาณนี้เลยอ่ะค่ะ... น่ากินไหม ^__^
วันนี้พิมไม่ขอพูดพล่ามทำเพลงล่ะนะคะ .... เนื่องจากเลยเวลาเข้านอนแล้ว เพราะงั้นต้องรีบปั่นซะหน่อยค่ะ เดี๋ยวจะโพสต์เมนูนี้ไม่จบอ่ะนะ ^^
:: ส่วนผสมและเครื่องปรุง ::
1. กระดูกอ่อนหมู 350 กรัม
2. หัวกะทิ 3/4 ถ้วย
3. หางกะทิ 3/4 ถ้วย
4. พริกแกงคั่ว 2 ชต.
5. พริกขี้หนูสวน 20 เม็ด
6. ใบมะกรูด 5 ใบ
7. พริกขี้หนูแดงเม็ดใหญ่ 5 เม็ด
8. น้ำตาลปี๊บ
9. เกลือป่น
10. น้ำปลา
:: ขั้นตอนการเตรียมของ และลงมือทำ ::
เริ่มต้นเราก็มาดูรายละเอียดของวัตถุดิบแต่ละอย่างกันก่อนนะคะ
"กระดูกอ่อน" ..... สับเป็นชิ้นพอประมาณ หากใครไม่มีหรือหาไม่ได้ ใช้กระดูกแก้วแทน หรือเนื้อหมูส่วนสันคอหั่นเป็นก้อนแทนก็ได้ค่ะ แต่ไม่แนะนำให้ใช้ส่วนสามชั้น เพราะว่ามันจะค่อนข้างเลี่ยนไปหน่อย ... หั่นเสร็จก็เอาไปล้างน้ำ ให้คราบเลือดและสิ่งสกปรกหมดไป ล้างเสร็จ ก็ใส่ตะแกรงผึ่งไว้ให้สะเด็ดน้ำค่ะ
ระหว่างรอกระดูกหมูสะเด็ดน้ำ ... ก็จัดการเอาน้ำใส่หม้อหรือกระทะใบย่อม ๆ นะคะ แล้วไปตั้งไฟ ... รอจนน้ำเดือดจัด ก็ค่อย ๆ หย่อนหมูใส่ลงไปในกระทะ (พิมใช้กระทะ เพราะรู้สึกว่าสะดวกกว่าใช้หม้อ) แล้วก็ต้มเคี่ยวไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งกระดูกหมูเปื่อยและนุ่มดี (ระหว่างต้ม ช้อนฟองๆ ด้านบนทิ้งด้วย)
พอกระดูกหมูนุ่มเปื่อยดีแล้ว ก็ใช้กระชอนโปร่งๆ ตักขึ้นใส่กาละมังไว้ก่อนค่ะ
จากนั้นก็หันมาดู "กะทิ" กันบ้าง.... กะทิที่พิมใช้วันนี้เนี่ยมี 2 ส่วน คือหัวกับหาง อย่างละเท่าๆ กัน และพิมใช้คั้นเอาจากมะพร้าวขูด 350 กรัมอ่ะค่ะ
ส่วน "สะตอ" ... พิมมีที่แม่แกะเป็นเมล็ดๆ ใส่ถุงแช่เอาไว้ในตู้เย็นแล้ว ก็เพียงแต่เอามาผ่าครึ่ง แล้วก็ล้างนิดหน่อยก็พอค่ะ (ไม่ต้องแช่น้ำนะ สะตอมันจะจืด)
"พริกแกง" ... พิมใช้พริกแกงคั่วค่ะ (คือพริกแกงเผ็ดที่ไม่ผสมเครื่องเทศ จำพวกลูกผักชี ยี่หร่า) เอามาตำรวมกับพริกขี้หนูสวน (ตำแค่พอให้พริกแหลกแบบหยาบๆ) เพื่อให้มีกลิ่นหอม และรสที่เผ็ดจัดจ้านมากขึ้น ... ซึ่งปริมาณพริกขี้หนูเนี่ย ใครชอบเผ็ดมาก จะใส่ไปสัก 30-40 เม็ดเลยก็ได้นะคะ แต่สำหรับพิมชอบเผ็ดกลาง ๆ ใส่ 20 เม็ดก็พอค่ะ ^__^ (ขืนใส่มากกว่านี้ เกรงว่าจะต้องกินน้ำแทนข้าวอ่ะ)
สุดท้ายก่อนจะลงมือทำ ... ก็อย่าลืมผ่าครึ่งพริกขี้หนูเม็ดใหญ่สีแดง (ล้างก่อนแล้วค่อยเอามาผ่าครึ่ง / ผ่าครึ่งเสร็จแล้ว ไม่ต้องล้าง) และซอยใบมะกรูดให้ละเอียด ๆ นะคะ ^^
เมื่อเตรียมเครื่องทุกอย่างเสร็จแล้ว เราก็มาเริ่มต้นลงมือทำกันเลยค่ะ .... อันดับแรกก็เทหัวกะทิครึ่งนึง ใส่ลงไปในกระทะนะคะ แล้วก็ทำการเคี่ยวหัวกะทิให้แตกมัน (ระวังกะทิเป็นลูก น้ำแกงจะไม่สวย)
พอกะทิแตกมันดีแล้ว (คือเห็นเหมือนมีน้ำมันลอยอยู่บนผิวหน้า) ก็ใส่พริกแกงที่โขลกรวมกับพริกขี้หนูไว้แล้วลงไป ... และก็ผัดให้เข้ากันดี
จากนั้นก็ผัดไปเรื่อย ๆ เพื่อให้พริกแกงหอม ซึ่งระหว่างผัดเนี่ย หากแห้งไป ก็เติมหัวกะทิได้เป็นระยะ ๆ นะคะ (พิมใช้จนหมด)
พอผัดพริกแกงจนส่งกลิ่นหอมและแตกมันได้ที่แล้ว ก็เอากระดูกหมูที่เราต้มจนเปื่อยแล้่วใส่ลงไป ... ผัดให้เข้ากัน ทิ้งระยะเวลาไว้สัก 1 นาที
แล้วก็เติมหางกะทิลงไปค่ะ (ใส่ทั้งหมดเลย) และทำการปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ (ใครไม่มี ใช้น้ำตาลทรายแทนได้ แต่ใช้น้ำตาลปี๊บจะอร่อยกว่า)
เหยาะเกลือใส่ไปหน่อย น้ำปลาอีกนิดนึง (น้ำปลา=เค็มและหอม / เกลือ=เค็มและกลมกล่อมและชูรส)
แล้วก็โรยใบมะกรูดหั่นฝอย และใส่สะตอตามลงไป
จากนั้นก็ผัด ๆ ให้เข้ากัน แอบชิมรสชาติดูว่าชอบไหม ถ้าไม่ชอบก็ปรุงแต่งเพิ่มตามชอบใจ แต่ถ้าเค็มไปหวานไป ให้เติมน้ำซุปที่ได้จากการต้มกระดูกหมูนะคะ ...... แล้วทิ้งระยะเวลารอให้สะตอสุก ... สักแป๊บนึง
พอสะตอสุกดีแล้ว ก็ใส่พริกแดงตามลงไปค่ะ
ผัด ๆ ให้เข้ากัน 2-3 ที นับ 1-20 ในใจ ก็ปิดไฟ แล้วตักใส่ชามได้เลยค่ะ
และแล้ว หลังจากผ่านไปประมาณ 40 นาที ... เราก็จะได้แกงคั่วกระดูกอ่อนหมูกับสะตอ แบบน้ำขลุกขลิก หน้าตาประมาณนี้มาแล้วอ่ะค่ะ ^__^
รสชาติก็เข้มข้นมาก หอมเครื่องแกง ใบมะกรูด สะตอ ... กินกับข้าวสวยร้อน ๆ แนมด้วยปลาสลิดเค็มสักหน่อย อร่อยเหาะไปเลยค่ะ
หากชอบ ก็ลองทำดูนะคะ ไม่ยากค่ะ ... เป็นอีกหนึ่งเมนูที่พิมมักจะใช้กำจัดสะตอ .... ยังไงก็ลองทำกันดูนะคะ ^__^ ... ส่วนวันนี้พิมไปล่ะจ้า