เมนูนี้เป็นอีกหนึ่งเมนูที่พิมและแม่ชอบกินมาก แต่...ไม่ค่อยได้ทำกินสักเท่าไหร่ เนื่องจากว่าทำแล้วไม่ค่อยมีใครช่วยกินค่ะ เพราะว่านอกจากพิมและแม่แล้ว คนอื่นในบ้านเค้ากินกันไม่เป็นเลยยยยย >_<"
แต่ว่าในช่วงเดือนธันวาที่ผ่านมานี่ แม่พิมเค้าปลูกต้นฟักทองกับต้นน้ำเต้าไว้ที่บ้านสวนเมืองจันฯ อ่ะค่ะ แล้วพอมันออกลูก แม่พิมเค้าก็มักจะเก็บลูกอ่อนๆ มาที่กรุงเทพฯ ทุกอาทิตย์ ด้วยความหวังเล็ก ๆ ว่าถ้าวันจันทร์ไหนมีเวลาว่าง ก็จะได้เอามาทำแกงเลียงกะทิอย่างที่อยากกินซะที ... แต่จนแล้วจนรอด ผ่านมา 3-4 อาทิตย์ แม่พิมเค้าก็ยังไม่ได้กินเจ้าแกงเลียงนี่ค่ะ เพราะว่าทุกวันจันทร์ที่ผ่านมา ไม่เคยมีจันทร์ไหนที่พิมหรือแม่พิมว่างสักจันทร์เลยอ่ะค่ะ
จนกระทั่งมาเมื่อวานนี้ ... พิมซื้อมะพร้าวขูดมาโลนึงค่ะ ตั้งใจเอามาทำปลาร้าทรงเครื่องกิน แต่ที่นี่ทำปลาร้าทรงเครื่องก็ใช้มะพร้าวขูดไปแค่ครึ่งโล ยังเหลืออีกครึ่งโล .... ตอนแรกว่าจะแกงบวดสาเก แต่พอไปดูสาเกที่ป้าคนรู้จักให้มาก็ปรากฎว่ามันเน่าไปซะแล้ว ก็เลยลองไปรื้อ ๆ ตู้เย็นดูว่ามีอะไรพอจะเอามาทำเป็นขนมหรือกับข้าวกะทิๆ ได้บ้าง (หาเรื่องชวนอ้วนเพิ่มขึ้น หุหุ) ก็ปรากฎว่าเจอกับฟักทองอ่อนและน้ำเต้าอ่อนที่แม่เก็บมาเมื่ออาทิตย์ก่อนนี่แหละค่ะ ยังปิ๊ง ๆ อยู่ ก็เลยตัดสินใจว่าเอาล่ะหลังจากร้างลาไม่ได้ทำแกงเลียงกะทิมานาน วันนี้สบโอกาสมีทั้งกะทิ ทั้งผักพร้อม ก็ทำดูซะหน่อยแล้วกัน เผื่อว่าอร่อยเหมือนเดิมก็จะได้ทำให้แม่กินในอาทิตย์นี้อ่ะค่ะ
ว่าแล้วหลังจากใช้เวลาในครัวอยู่ประมาณ ครึ่ง ชม. (ไม่รวมเวลาถ่ายรูปนะคะ หุหุ) พิมก็ได้เจ้าแกงเลียงกะทิน้ำเต้าและฟักทองอ่อน ...ออกมาหน้าตาประมาณนี้แหละค่ะ รสชาตินี่ขอบอกว่าเหมือนที่เคยกินมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ มากๆ คือ เข้มข้น หอมเครื่องแกง มัน และหวานนิดๆ (หวานจากกะทิและความสดของผัก) เพราะนั้นหากใครที่ไม่เคยกิน ไม่เคยเห็น และแม้แต่ไม่เคยได้ยินชื่อ แต่อยากลองทำกินดู ก็ไปดูส่วนผสมและวิธีทำกันในรายละเอียดด้านล่างเลยนะคะ ^__^
:: ส่วนผสม "เครื่องแกงเลียง" ::
- กุ้งแห้งเนื้อแช่น้ำจนนิ่มมาก 2 ชต.
- หอมแดง 5 หัว
- เกลือป่น 2 ชช.
- กะปิดี 1 ชต.
- พริกไทยดำ 1 1/2 ชช. ........ สามารถเพิ่มได้ตามใจชอบค่ะ แต่ว่าโดยปกติแกงเลียงกะทิ รสพริกไทยจะไม่จัดมากเหมือนแกงเลียงน้ำใสนะคะ
:: ส่วนผสมอย่างอื่น ::
- หัวกะทิ 1 ถ้วยตวง
- หางกะทิ 2 ถ้วยตวง
- ฟักทองอ่อน 1 ลูก
- น้ำเต้าอ่อน 2 ลูก
- ใบแมงลัก 5 กิ่ง
- น้ำตาลปี๊บนิดหน่อย 1-2 ชช. ..... (ไม่มีในรูป เพราะว่าพิมไม่ได้ใส่ แต่ถ้ากะปิ/กุ้งแห้งใครเค็มมาก หรือใครไม่ได้ใช้กะทิสด อาจจะต้องใส่เพื่อให้กลมกล่อมนะคะ)
:: วิธีทำ ::
อันดับแรกเลย จะทำแกงเลียงเราก็จะต้องมาตำเครื่องแกงกันก่อนนะคะ
เริ่มต้นด้วยการเอาตำพริกไทยดำให้ละเอียดค่ะ พอละเอียดดีก็ตักขึ้นใส่ถ้วยไว้ก่อน ..... แล้วก็ใส่กุ้งแห้งที่แช่น้ำจนนิ่มลงไป โขลกให้แหลกแต่ไม่ต้องละเอียดมาก ........ แล้วคดขึ้นใส่ถ้วยพักไว้ก่อนเหมือนกันค่ะ
ต่อมาก็ปอกเปลือกหอมแดงทิ้งไปนะคะ ล้างซะหน่อยเผื่อมีคราบดำ ๆ ติดอยู่ แล้วก็ซอยหยาบๆ ไว้ (จะได้โขลกง่าย) .. ซอยเสร็จก็หยิบใส่ครก ใส่เกลือลงไปสัก 2 ชช.
แล้วก็โขลกให้เกือบจะละเอียดแบบในภาพด้านล่างนี้ค่ะ (มันจะเละ ๆ เพราะหอมมีน้ำอยู่ ก็จะโขลกยากนิดนึง แต่ไม่ยากเกินความสามารถ)
พอหอมละเอียดดี ก็ใส่พริกไทยดำ กะปิ และกุ้งแห้งตามลงไป
โขลกเบา ๆ อีกสัก 5-6 ทีให้เข้ากันดี .. ก็เป็นอันว่าเราได้เครื่องแกงเลียงออกมาแล้วนะคะ
จากนั้นก็ให้เรามาเตรียมผักกันต่อ สำหรับผักที่บ้านพิมนิยมเอามาแกงเลียงกะทิก็จะเป็นพวกฟักทองอ่อน น้ำเต้าอ่อน หัวปลีอะไรประมาณนี้แหละค่ะ ซึ่งวันนี้พิมมีฟักทองอ่อน น้ำเต้าอ่อน ก็เลยจับเอาสองอย่างนี้มาแกงเลียงรวมกันซะเลย
ซึ่งทั้งฟักทองอ่อนและน้ำเต้าอ่อน .... ก็ให้เราตัดจุกตัดก้นให้เรียบร้อย แล้วหั่นไว้เป็นชิ้นพอคำค่ะ หั่นเสร็จก็เอาไปล้างน้ำซะ 1 น้ำ แล้วก็ใส่ตะกร้าโปร่งพักไว้ให้สะเด็ดน้ำค่ะ
และสำหรับแกงเลียง ไม่ว่าจะแกงกะทิหรือไม่กะทิ ผักอย่างนึงที่พิมว่าจะขาดไม่ได้เลยก็คือ แมงลักค่ะ ... แมงลักเราก็นำไปล้างน้ำนะคะ ล้างเสร็จก็เด็กไว้เป็นใบ ๆ หรือจะเป็นช่อ ๆ ก็ได้ ตามสะดวกเลยค่ะ
เมื่อเตรียมเครื่องทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ก็มาลงมือทำกันดีกว่าค่ะ
เริ่มต้นด้วยการเทหางกะทิใส่หม้อ นำหม้อตั้งบนเตาไฟ เปิดไฟกลาง แล้วรอจนกะทิเดือดนะคะ
พอกะทิเดือดดีก็ให้ละลายเครื่องแกงใส่ลงไปค่ะ
ละลายเสร็จ สีของกะทิในหม้อก็จะออกตุ่น ๆ ประมาณนี้นะคะ (ถึงสีจะตุ่น แต่ขอบอกว่ากลิ่นหอมมากๆ)
แล้วก็ใส่ฟักทองกับน้ำเต้าที่เราหั่นไว้แล้วลงไปค่ะ
รอจนกระทั่งฟักทองและน้ำเต้าสุก (สุกมากสุกน้อยก็ตามใจชอบเลยค่ะ) ..... ก็ราดหัวกะทิที่เตรียมไว้ลงไป คนให้พอเข้ากันเล็กน้อย ก็ตักน้ำแกงเลียงขึ้นมาชิมรสชาติดูค่ะว่าจะเป็นประมาณไหน หากอ่อนเค็มไปก็เติมเกลือเพิ่มได้ค่ะ (พิมไม่ชอบเติมน้ำปลา เพราะรู้สึกว่ากลิ่นมันจะทำให้แกงเลียงคาว) แต่ถ้าเค็มมากไปเพราะว่ากุ้งแห้งกับกะปิเค็มจัด ก็อาจจะต้องเติมหางกะทิหรือน้ำเปล่าลงไป และตัดรสด้วยน้ำตาลปี๊บสักนิดหน่อย... ตรงนี้ก็เอารสตามชอบเลยนะคะ ซึ่งสำหรับพิมก็เค็มนำนิดๆ มันๆ หวานกะทิ หอมเครื่องแกงอะไรประมาณนี้แหละค่ะ
จากนั้นรอให้เดือดจัด ๆ อีกที ก็ใส่ใบแมงลักลงไป เอาทัพพีกด ๆ ให้แมงลักจมลงไปในน้ำกะทิสักหน่อย
ปิดฝาหม้อสัก 5 วินาที แล้วก็ปิดไฟเตาได้เลยจ้า
แล้วเราก็จะได้แกงเลียงกะทิน้ำเต้ากับฟักทองอ่อนออกมาหน้าตาประมาณในภาพด้านล่างนี้นะคะ
ซึ่งสำหรับคนที่ยังไม่เคยทานเแกงเลียงแบบนี้ แต่ชอบทานแกงกะทิหรือชอบทานอะไรที่ข้น ๆ พิมก็อยากแนะนำให้ลองทำดูค่ะ
เพราะว่านอกจากเพื่อน ๆ จะได้กลิ่นหอมเครื่องแกงตามแบบฉบับของแกงเลียงแล้ว เพื่อน ๆ ก็ยังจะได้รสหวานมันและความหอมจากกะทิ จากฟักทอง และจากน้ำเต้าอีกด้วยอ่ะค่ะ (สรุปว่าอร่อย ^^)
.... ซึ่งพิมต้องขอบอกว่าเป็นอีกหนึ่งเมนูที่พิมชอบมาก และอยากแนะนำให้เพื่อน ๆ ได้ลองทำกันดูนะคะ ^^
ป.ล. ถ้าจะทำเป็นแกงเลียงหัวปลี ก็เอาหัวปลีสด ลอกกาบแดง ๆ ออกให้เหลือแต่ขาวๆ ที่อยู่ด้านใน หั่นเป็นชิ้นแช่น้ำเกลือ แล้วนำไปต้มจนสุกดี บีบน้ำให้แห้งก่อนนำมาใส่แกงแทนฟักทองและน้ำเต้านะคะ ซึ่งถ้าแกงเลียงหัวปลี สมัยโบราณเค้าจะไม่นิยมใส่ใบแมงลักลงไปด้วย แต่ถ้าใครชอบก็ไม่ผิดกติกานะคะ