สองอาทิตย์ก่อน แม่พิมบ่นว่าอยากกินอาหารโบราณอย่างนึงซึ่งที่บ้านพิมไม่ได้ทำกินกันมานานมากแล้วอ่ะค่ะ แต่ว่าจนแล้วจนรอดก็ไม่มีเวลาออกไปซื้อวัตถุดิบ ก็เลยไม่ได้ทำสักที
จนเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาพิมมีโอกาสได้ทำธุระที่ห้างๆ นึงค่ะ และพอตอนจะกลับบ้านนึกได้ว่ายาสีฟันที่บ้านหมด เลยแวะเข้าไปซื้อในซุปเปอร์มาร์เกต แต่ระหว่างเดินผ่านไปแถวชั้นวางพวกของแห้ง แล้วสายตาเหลือบไปเห็นฟองเต้าหู้ซึ่งเป็นส่วนผสมหลักอย่างนึงของอาหารที่แม่พิมอยากกิน ก็เลยนึกขึ้นได้ว่า เออ.อ.อ..อ แม่เรากำลังอยากกินเมนูนี้นี่นา เพราะงั้นซื้อไปทำให้แม่เลยดีกว่า และด้วยความที่ว่าอยากเซอร์ไพรส์แม่ค่ะ เห็นว่าแม่จะเดินทางกลับมาจากจันฯ ถึงกรุงเทพฯ ตอนเช้าของวันพรุ่งนี้ บ่ายวันนี้พิมก็เลยจัดการทำเจ้าอาหารชนิดนี้และเก็บใส่ตู้เย็นไว้รอแม่ซะเลย
และแล้ว ...... หลังจากไปขลุกอยู่ในครัวราว ๆ 1 ชม. พิมก็ได้เจ้าเมนูนี้ "แกงร้อนวุ้นเส้น" ออกมาล่ะค่ะ ซึ่งหลังจากทำเสร็จแล้วชิมรสชาติดู ก็พบว่าไม่ต่างจากที่แม่ทำเลย หุหุ เพราะงั้นคาดว่าเมื่อพรุ่งนี้แม่ได้เห็นและได้ชิม แม่จะต้องดีใจมากแน่ ๆ เลยอ่ะค่ะ ^__^
หมายเหตุ
1. สูตรที่พิมให้ไว้สำหรับเมนูนี้และทุกเมนู ขอให้คิดซะว่าเป็นแนวทางนะคะ เพราะเพื่อนๆ อาจจะไม่ได้ชอบรสชาติเดียวกันพิม ดังนั้นแล้วหากเพื่อน ๆ ชอบรสแบบไหนก็ปรับเพิมลดส่วนผสมและเครื่องปรุงเอาได้ตามใจชอบเลยนะคะ
2. ที่บ้านพิมเรียกเมนูนี้ว่า "แกงร้อนวุ้นเส้น" แต่บางบ้านก็เรียก "ต้มกะทิวุ้นเส้น" บางบ้านเรียก "วุ้นเส้นต้มร้อน" ก็แล้วแต่นะคะ .... เพราะเรื่องชื่อมันเปลี่ยนแปลงกันได้อ่ะค่ะ และบางครั้งก็เรียกต่างกันไปตามแต่ละพื้นที่ ยังไงขอให้รสชาติออกมาอร่อยก็แล้วกันจ้า
:: ส่วนผสมและเครื่องปรุง ::
- วุ้นเส้นแห้ง 40 กรัม (ในภาพเป็นห่อ 80 กรัม ใช้ 1/2 ห่อ)
- กุ้งแห้งตัวใหญ่ 30 กรัม หรือ 1/3 ถ้วย
- เห็ดหูหนูดำแห้ง 20 กรัม หรือ 1/3 ถ้วย
- ดอกไมจีน 25 กรัม หรือ 1/3 ถ้วย
- ฟองเต้าหู้ 20 กรัม
- หัวกะทิ 1 ถ้วย
- หางกะทิ 4 ถ้วย
- หอมแดง 2 - 3 หัวใหญ่
- กะปิ 1 ชต.
- พริกไทยขาวแบบเม็ด 1/2 ชต.
- เกลือป่น 2 + 1/2 ชต.
- น้ำตาลทรายขาว 4 + 1/2 ชต.
เพิ่มเติม :: รายละเอียดเกี่ยวกับการตวง ถ้วยคืออะไร ถ้วยตวง ช้อนตวงคืออะไร วิธีการใช้ถ้วยตวง ช้อนตวง >> คลิ๊กที่นี่ <<
:: วิธีทำ ::
อันดับแรกก็ให้เรานำฟองเต้าหู้ (หักเป็นแผ่นใหญ่ให้พอใส่ลงในกาละมังได้) ดอกไม้จีน และเห็ดหูหนูดำแห้ง ...... ไปล้างน้ำให้สะอาดนะคะ จะล้าง 1 หรือ 2 น้ำก็ตามใจเลยค่ะ
ล้างเสร็จก็นำไปแช่ในน้ำสะอาด
จนกระทั่งนุ่มนิ่มแบบในภาพด้านล่างนี้ (จะแช่รวมกันหรือแช่แยกกันก็ได้)
ก็นำฟองเต้าหู้ขึ้นมาตัดเป็นชิ้นประมาณ 2*1 นิ้ว / เห็ดหูหนูตัดเป็นชิ้นเล็กๆ พอคำ (ตัดจุกทิ้งก่อน ค่อยตัดเป็นชิ้น) / และดอกไม้จีนก็นำมาตัดส่วนขั้วที่แข็ง ๆ ทิ้งไปค่ะ
แล้วบีบให้แห้ง เอาใส่รวมไว้ในจานใบเดียวกัน
ส่วนวุ้นเส้นก็นำมาแช่ในน้ำสะอาด (ใช้เวลาพอสมควร) พอนิ่มก็สรงขึ้นใส่กระชอนพักไว้จนสะเด็ดน้ำ ก็หยิบมาตัดหรือหั่นเป็นท่อนสั้นประมาณ 3 นิ้ว / ส่วนกุ้งแห้งล้างสัก 2 น้ำก่อนแล้วค่อยแช่ในน้ำสะอาดนะคะ พอนิ่มก็หยิบขึ้นมาบีบน้ำออกให้แห้งแล้วใส่ถ้วยพักไว้ค่ะ
จากนั้นหันมาโขลกเครื่องแกงกันนะคะ โดยเอาพริกไทยเม็ดใส่ลงในครก แล้วโขลกให้ละเอียด พอละเอียดดีก็ใส่หอมแดงที่ปอกเปลือกและหั่นหยาบ ๆ ไว้แล้วลงไป ตามด้วยเกลือ 1/2 ชต. (ช่วยให้ตำได้ง่ายขึ้น + ไม่ค่อยกระเด็น) โขลกจนหอมแดงละเอียดดี ก็ใส่กะปิลงไปแล้วโขลกให้เข้ากันอีกครั้ง
..... เมื่อเตรียมวัตถุดิบต่างๆ เสร็จ ขั้นตอนต่อไปก็มาลงมือทำกันเลยนะคะ เริ่มต้นด้วยเอาหางกะทิใส่ลงในหม้อใบย่อม ๆ สักใบค่ะ แล้วนำไปตั้งเตา เปิดไฟกลาง พอกะทิเดือด ก็เอาเครื่องแกงที่เราโขลกไว้เมื่อตะกี้ลงไปละลาย
พอเครื่องแกงละลายดีก็ใส่ฟองเต้าหู้ เห็ดหูหนู ดอกไม้จีนและกุ้งแห้งตามลงไป หรี่ไฟลงเป็นไฟอ่อน ต้มจนกระทั่งกุ้งแห้งและเครื่องต่างๆ สุกนุ่ม
ก็ปรุงรสด้วยเกลือป่นและน้ำตาลทรายขาว ให้ออกรสหวานนำนิดๆ เค็มตามเล็กน้อย (ตอนนี้สีของกะทิจะยังแลดูตุ่นๆ อยู่ และยังไม่ข้น)
เพิ่มเติม :: ก่อนปรุง ให้ตักน้ำกะทิขึ้นมาชิมก่อนนะคะว่ามีรสชาติเป็นยังไง หากมีความเค็มบ้างแล้ว (จากกะปิ เกลือ) ก็เติมเกลือป่นแค่บางส่วน ไม่ต้องใส่ทั้งหมด และหากมีความจากกะทิบ้างแล้ว ก็อาจจะไม่ต้องเติมน้ำตาลทรายหมดนะคะ
พอได้รสที่ชอบก็เร่งไฟเป็นไฟกลาง ใส่วุ้นเส้นลงไป ต้มจนวุ้นเส้นนิ่ม ก็ราดหัวกะทิตามลงไป
รอจนเดือดอีกครั้งก็ปิดไฟเตาได้เลยค่ะ
สุดท้ายก็ตักใส่ชามเสริฟร้อน ๆ ตบแต่งด้วยผักชีเล็กน้อย แล้วเราก็จะได้ "แกงร้อนวุ้นเส้น" ออกมาหน้าตาอย่างในภาพด้านล่างนะคะ
ซึ่งแกงร้อนวุ้นเส้นนี่รสชาติจะออกหวานนำแต่ไม่มาก เค็มตามนิดๆ หอมเครื่องแกง (พริกไทย กะปิ หอมแดง) หอมกะทิ ..... จะว่าไปก็คล้ายๆ กับแกงเลียงกะทิของทางภาคกลาง หรือต้มกะทิหน่อไม้ชะอม ต้มกะทิยอดเหลียงของทางภาคใต้อยู่มากอ่ะค่ะ ^_^
ยังไงไปลองทำดูกันนะคะ เป็นอีกเมนูโบราณที่พิมอยากอนุรักษ์ไว้และอยากให้เพื่อน ๆ ลองทำดูกันค่ะ