วันนี้พิมจะมาชวนเพื่อน ๆ ทำสังขยามันม่วง และสังขยาฟักทอง ... สังขยาเนื้อข้น ๆ ที่เราเอาไว้จิ้มกินกับขนมปังกันค่ะ 😊
แต่ก่อนจะไปลงมือทำกัน พิมก็อยากเล่าให้ฟังถึงที่มาที่ไปขอสังขยาสองแบบนี้ก่อน ว่ามันเป็นมายังไงนะคะ
เริ่มเรื่องเลยคือเมื่อสัก 2-3 ปีก่อน มันจะมีอยู่ช่วงนึงที่คนเค้าฮิตทำขนมโน่นนี่จากมันม่วงกันมากเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นบัวลอย ครองแครง ไข่นกกระทา ตะโก้มันม่วง ชีสเค้ก ถ้วยฟู มันรังนก มันทิพย์ โทสต์ เครมบูเล่ บลา ๆๆ เรียกว่าแทบจะทุกเมนูขนมหรือของกินเล่นในช่วงนั้น ก็จะมีผสมมันม่วงเข้าไปแทบทุกอย่างเลยนะคะ 😊😊
แล้วก็มีอยู่คนนึง .. ไม่แน่ใจว่าพิมเห็นจากกระทู้ในพันทิปรึเปล่า เค้าก็ทำเมนูของว่างที่มีส่วนผสมของมันม่วงออกมาด้วยค่ะ นั่นก็คือ สังขยามันม่วงแบบที่ใช้จิ้มขนมปังนะคะ ซึ่งในความคิดพิม มันเป็นอะไรที่น่าสนใจสำหรับพิมมาก ด้วยความที่พิมชอบกินสังขยาจิ้มขนมปังอยู่แล้วเน๊าะ แล้วก็ชอบทำด้วย พิมก็เลยลองจดรายละเอียดจากสูตรของคน ๆ นั้นมาลองทำดูค่ะ
แต่ด้วยความที่พิมเองอาจจะติดรสของกะทิมากกว่านมสด (สูตรนั้นเค้าใช้นมสดเป็นหลัก ไม่ได้ใส่กะทิ) พิมก็เลยรู้สึกว่าสังขยาสูตรนั้นยังไม่ใช่แนวของพิมนะคะ พิมก็เลยลองมาปรับสูตรดูโดยอิงจากสูตรสังขยาใบเตยแบบไม่ใส่แป้งที่อยู่ในเวบครัวบ้านพิมนี่แหละค่ะ เริ่มจากปรับลดส่วนผสมที่เป็นนมลงก่อน แล้วเพิ่มในส่วนของกะทิไปแทน แล้วก็ปรับเปลี่ยนในส่วนของวิธีการทำนิดหน่อย แต่ว่าออกมาก็ยังไม่ค่อยได้เรื่องเท่าไหร่นะคะ 😅 ก็เลยมีการปรับในครั้งที่ 2 3 4 5 6 ตามมาเรื่อย ๆ สุดท้ายหลังจากลองปรับลองชิมอยู่หลายครั้ง ก็ได้ออกมาเป็นสังขยาที่มีสูตรและหน้าตาแบบในภาพด้านล่างเลยค่ะ ซึ่งสูตรนี้จากที่พิมลองทำไปแจกเพื่อน ๆ ทำขายคนโน้นคนนี้นิดหน่อยพอเป็นกระสัย ทุกคนต่างบอกว่าโอเค รสชาติเข้มข้น หวานมัน แต่ไม่หวานจัด จิ้มกับขนมปังอร่อยดีนะคะ
ที่สำคัญสังขยาสองสูตรนี้ ไม่ใช่แค่อร่อยเฉย ๆ ค่ะ แต่ว่าเหนือความอร่อยคือความมีประโยชน์ เพราะทั้งมันม่วงและฟักทองเป็นผัก #ไม่ใช่ผลไม้เน๊าะ ที่มีวิตามินซี วิตามินเอ มีไฟเบอร์ และเบต้าแคโรทีนเยอะมาก จึงช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ช่วยบำรุงสายตา กินแล้วอิ่มไว อยู่ท้องนาน ที่สำคัญช่วยลดการเกิดริ้วรอยบนผิวหนังของเราด้วยนะคะ
เมื่อนับข้อดีของสังขยาสูตรนี้ได้ครบ 10 ข้อแล้ว เราก็ไปดูส่วนผสมและวิธีทำกันเลยดีกว่าค่าาาาา ^_^
:: ส่วนผสมและเครื่องปรุง ::
- ฟักทอง ปอกเปลือก หั่นชิ้น 150 กรัม (หรือมันม่วง 100 กรัม)
- ไข่ไก่ 2 ฟอง (พิมใช้เบอร์ 2)
- หัวกะทิ 200 มิลลิลิตร
- นมข้นจืด (ส่วนที่ 1) 100 มิลลลิตร
- น้ำตาลทราย 80 กรัม (ถ้าชอบหวานน้อยใส่แค่ 50 กรัม)
- เกลือสมุทรป่น 1/16 ช้อนชา หรือใส่แค่นิดหน่อย
- เนยจืด 1 ช้อนโต๊ะ
- นมข้นจืด (ส่วนที่ 2) 50 มิลลิลิตร
** พิมใช้มันม่วงญี่ปุ่น หาซื้อได้ตามแมคโคร หรือตลาดสด โลละประมาณ 50-70 บาท แต่ถ้าใครหาไม่ได้ ใช้มันม่วงไทยได้ค่ะ
** ปกติสังขยามันม่วงจะมีสีม่วงอ่อนมากๆ ถ้าใครอยากได้สังขยาที่มีสีม่วงชัดเจนนิดนึง สามารถเหยาะสีผสมอาหารสีม่วงลงไปนิดหน่อยเพื่อแต่งสีได้นะคะ
:: วิธีทำ ::
ก่อนจะไปลงมือทำกัน พิมขออธิบายให้ฟังนิดนึงก่อนเน๊าะคะว่า วันนี้พิมจะทำสังขยาให้เพื่อน ๆ ดู 2 สูตรด้วยกัน คือสูตรที่ใส่มันม่วงกับสูตรที่ใส่ฟักทองค่ะ แต่ในส่วนของขั้นตอนการทำเนี่ย พิมถ่ายรูปมาให้ดูเฉพาะการทำสังขยาฟักทอง ไม่ได้ถ่ายวิธีทำสังขยามันม่วงมาด้วย เพราะทั้งสองสูตรทำแบบเดียวกันเลย ส่วนผสมอื่นๆ ก็แทบไม่ต่างกันนะคะ ^_^
โอเค ... เมื่อทำความเข้าใจกันแล้ว ไปดูวิธีทำกันเลยค่ะ
เริ่มแรกให้เราปอกเปลือกฟักทอง (หรือมันม่วง) หั่นให้เป็นชิ้นประมาณ 1.5 * 1.5 ซม. แล้วเอาไปล้างให้สะอาด ก่อนจะเทใส่ตะกร้าพักให้สะเด็ดน้ำนะคะ
ง
พอฟักทอง (หรือมันม่วง) สะเด็ดน้ำดีแล้ว ก็นำไปนึ่งบนน้ำเดือดจัด 20-30 นาที หรือใส่ชาม ปิดฝาให้สนิท แล้วเอาเข้าเวฟประมาณ 5-7 นาที หรือจนสุกนิ่ม 🍠🍠 ก็ปิดไฟเตาได้เลยค่ะ .... ซึ่งระยะเวลาที่ใช้ ขึ้นกับขนาดชิ้นมัน ปริมาณน้ำที่ก้นซึ้ง และความแรงของไฟนะคะ 😊
จากนั้นหยิบโถปั่นน้ำผลไม้ออกมาค่ะ ตักฟักทองที่นึ่งสุกแล้ว (หรือมันม่วง) ใส่ลงโถปั่น ตามด้วยหัวกะทิ น้ำตาลทราย นมข้นจืด (ส่วนที่ 1) เกลือป่น และก็ไข่ที่เตรียมไว้นะคะ เพื่อน ๆ จะใส่อะไรก่อนหลังก็ได้ ไม่มีปัญหา แต่ถ้าฟักทองยังร้อนมากอยู่ ก็ขอให้ใส่ไข่ทีหลังสุดค่ะ เพราะว่าถ้าใส่ไข่ลงไปก่อน แล้วไข่ไปเจอกับฟักทองร้อน ๆ จะทำให้ไข่บางส่วนสุก เวลาเอาไปตุ๋น สังขยาอาจจะไม่ค่อยข้นก็เป็นได้นะคะ 😊
ถึงตรงนี้ ... ก็นำส่วนผสมไปปั่นให้เนียนละเอียด เสร็จแล้วก็เอาออกมาเทใส่หม้อใบย่อม ๆ ไว้ค่ะ ..... พิมแนะนำเป็นหม้อแบบมีด้าม จะได้หยิบจับง่ายๆ เวลาที่เราเอาสังขยาไปตุ๋น แต่ถ้าไม่มี จะใช้หม้อแบบไหนก็ได้ เอาตามที่สะดวกเลยนะคะ 😊
ต่อมาให้เราตั้งกระทะก้นลึกบนเตา ใส่น้ำเปล่าลงไปให้ได้ความสูงประมาณครึ่งนึงของกระทะ แล้วเปิดไฟกลางค่ะ พอน้ำในกระทะเดือด ก็หยิบผ้าขนหนูผืนเล็ก ๆ มาผืนนึง พับครึ่ง แล้ววางลงไปในกระทะแบบภาพด้านล่างฝั่งขวามือนะคะ
จากนั้นหยิบหม้อสังขยาวางลงไปบนผ้าเลยค่ะ ซึ่งการที่เราตุ๋นสังขยาในลักษณะแบบนี้ คือไม่ได้เอาหม้อสังขยาตั้งเตาไฟโดยตรง จะช่วยลดโอกาสที่ไข่ในสังขยาจะจับตัวกันเป็นก้อนเพราะความร้อนที่ส่งเข้ามามากเกินไป อย่างที่หลาย ๆ คนเคยเจอนะคะ ^_^ และการวางผ้ารองก้นหม้อแบบนี้ ก็จะช่วยลดความแรงของของน้ำเดือด ทำให้เวลาที่เราตุ๋น น้ำเดือดจะไม่ปุด ๆ มากจนมาโดนมือเรา ยกเว้นแต่เราจะเปิดไฟแรงเกินค่ะ 😅
สำหรับวิธีการกวนสังขยา ก็ไม่มีอะไรยุ่งยากนะคะ หลังจากที่เราตั้งหม้อสังขยาในกระทะน้ำเดือดแล้ว ก็ให้เราใช้ตะกร้อมมือคนส่วนผสมไปเรื่อย ๆ ค่ะ ซึ่งเวลาคนเนี่ย พยายามคนให้ทั่ว ๆ หม้อ อย่าคนกระจุกอยู่แค่ตรงกลางหม้อ หรือข้างใดข้างนึงของหม้อ เพราะอาจจะทำให้ไข่ในสังขยาสุกเป็นหย่อม ๆ ได้นะคะ
และในช่วง 1-2-3-4 นาทีแรกของการตุ๋น เราอาจจะคนสังขยาแบบเรื่อย ๆ เช่น คน 30 วิ พัก 30 วิได้ แต่เมื่อตุ๋นผ่านไปสักประมาณ 6-7 นาที เราจะสังเกตุว่าสังขยาเริ่มข้นนิด ๆ เพราะไข่เริ่มสุก ช่วงนี้เราอาจจะต้องคนส่วนผสมในหม้อให้สม่ำเสมอนิ๊ดดดนึง เพื่อให้สังขยาสุกทั่วกันค่ะ และเมื่อผ่านไปสักเกือบ ๆ 10 นาที เราก็จะสังเกตุเห็นว่าสังขยาของเราเริ่มข้นมากขึ้นนะคะ ถึงตรงนี้ก็ให้เราคนต่อไป จนได้สังขยาที่มีความข้นตามที่ต้องการ (พิมใช้เวลาประมาณ 12-14 นาที) ก็ปิดไฟเตา และยกหม้อสังขยาออกมาจากกระทะได้เลยค่ะ
*** สีของสังขยา ไม่ว่าสังขยามันม่วงหรือสังขยาฟักทอง เมื่อตุ๋นสุกแล้ว สีจะเข้มกว่าตอนที่ยังไม่สุกนะคะ
*** ระยะเวลาในการตุ๋นสังขยาของแต่ละคนอาจจะไม่เท่ากัน ขึ้นกับปริมาณน้ำในกระทะ ขึ้นกับความแรงของไฟด้วยค่ะ
ถึงตรงนี้ก็ให้เราใส่เนยที่เตรียมไว้ลงไปในหม้อ แล้วคนให้เนยละลายนะคะ ตามด้วยนมข้นจืดที่เหลือ แล้วคนให้เข้ากันอีกที ก็เป็นอันใช้ได้ล่ะค่ะ
ส่วนใครที่จะทำเป็นสังขยามันม่วง ก็ให้ทำแบบเดียวกัน Step เดียวกันกับสังขยาฟักทองเลย เพียงแต่เปลี่ยนจากฟักทองเป็นมันม่วงเท่านั้นนะคะ 😊
และเมื่อถึงเวลาที่รอคอยยย เราก็หั่นขนมปังเป็นชิ้นสี่เหลี่ยม ๆ พอคำหรือสองคำ 😊 ใส่ลงในจาน อาจจะเอาไปนึ่งหรืออุ่นให้ร้อนก่อนนิ๊ดดนึงก็ได้ค่ะ แล้วก็เสิร์ฟพร้อมกับสังขยาฟักทองหรือมันม่วงที่เราทำเอาไว้ เท่านี้เราก็จะได้ของว่างอร่อย ๆ เก๋ ๆ พร้อมถ่ายรูปอัพลง IG และ FB เอ๊ยยย.ย.ย.ย.ย ไม่ใช่ พร้อมกินแล้วนะคะ
ทั้งสังขยาฟักทอง และสังขยามันม่วงสูตรนี้ รสสัมผัสอาจจะไม่นุ่มละมุนเท่ากับสังขยาใบเตยที่พิมเคยลงสูตรเอาไว้เมื่อหลายปีก่อน เพราะว่ามันมีส่วนผสมของเนื้อฟักทองและมันม่วงเข้ามาด้วย มันก็จะมี Texture มากกว่านิดนึง แต่บอกเลยว่าอร่อยไม่แพ้กันค่ะ
ตัวสังขยาฟักทองนี่คือหอมฟักทองมากกก อารมณ์เหมือนกินซุปฟ้กทองข้น ๆ ไม่ก็ขนมฟักทอง ยิ่งถ้าได้ฟักทองเนื้อมัน ๆ นี่ยิ่งอร่อยเลยนะคะ ส่วนตัวสังขยามันม่วงก็คือหอม ๆ สไตล์มันม่วง มีเนื้อสังขยาแบบชัดเจน และสีสวยมาก ทำแล้วถ่ายรูปไปอวดเพื่อนได้สบาย ๆ เลยค่ะ 😁😁
ยังไงก็ลองไปทำกันดูน๊า ติดขัดตรงไหนก็แวะมาถามไถ่กันได้ พิมอาจจะเข้ามาตอบช้าหน่อย เพราะช่วงนี้การงานรัดตัวสุด ๆ แต่ตอบทุกคำถามนะคะ
เกือบลืมเลย ... พิมเชื่อว่าเพื่อน ๆ หลายคนคงจะมีคำถามแบบนี้ในใจว่า ถ้าหามันม่วงไม่ได้ จะใช้มันอย่างอื่น เช่น มันกระต่าย (สีส้ม) มันไข่ (สีเหลือง) หรือเผือก (สีม่วงอ่อน) แทนได้ไหม พิมก็ขอตอบว่าได้ค่ะ แต่...สีของสังขยาก็จะเป็นไปตามสีของมันที่เอามาใช้นะคะ ซึ่งสีจะออกมาค่อนข้างอ่อนมากหรือถ้าเป็นเผือก หรือมันไข่นี่ อาจจะไม่เห็นสีเลยก็ได้ เพราะงั้นหากต้องการให้สีของสังขยาชัดเจนขึ้น ก็อาจจะต้องมีการแต่งสีด้วยสีผสมอาหารนิดนึงนะคะ (ใส่ไปพร้อมกับตอนปั่นส่วนผสมเลย) ซึ่งปริมาณสีที่ใช้ จะมากน้อยแค่ไหน ก็ขึ้นกับความเข้มของสีที่เพื่อน ๆ ต้องการเลยค่ะ
สำหรับสีที่ใช้ พิมแนะนำเป็นแบบน้ำนะคะ จะใช้เป็นสีน้ำเลยอย่างของ Best Odour หรือ Winner's ก็ได้ หรือจะเป็นสีแบบผง แล้วเอามาผสมกับน้ำก่อนใช้ อย่างของตราดาว ก็ได้เลยค่ะ
ส่วนวันนี้พิมขอตัวลาไปก่อน แล้วเจอกันใหม่ในเมนูถัดไปนะคะ สวัสดีค่า 😊😊😊