2-3 วันก่อน พิมไปบ้านที่สุพรรณบุรีมาค่ะ ไปทำธุระนิดหน่อย แล้วตอนก่อนจะกลับกรุงเทพฯ พิมก็แวะไปตลาดนัดบ้าน ๆ ที่อยู่แถวนั้นนิดนึงนะคะ
ตลาดนี้เนี่ยเป็นตลาดที่เวลาพิมมาสุพรรณ พิมต้องแวะมาตลอดเลยค่ะ เพราะว่าจะมีคุณลุงคุณป้าคุณตาคุณยายเก็บผักบ้าน ๆ หรือไม่ก็เอาปลานา ปลาแม่น้ำ อย่างพวกปลาสลิด ปลาช่อน ปลากด ปลากระดี่ ปลาตัวเล็กตัวน้อย ที่หาได้ในวันนั้น ๆ มาวางขายกันนะคะ ซึ่งครั้งนี้เนี่ยนอกจากปลาช่อนกับปลาสลิดตัวโตที่พิมตั้งใจว่าจะซื้อมาทำปลาเค็มแล้ว ก็ยังมีชะอม สายบัวแบบยังไม่ได้ลอก มีผักกูด มะพร้าวทึนทึกที่เป็นมะพร้าวน้ำหอมลูกเล็ก ๆ มะอึกลูกโต และดอกโสนอีกด้วยค่ะ
พูดถึงดอกโสนแล้ว พิมเชื่อว่าหลายคนอาจจะงงว่าดอกโสนคือดอกอะไร เป็นผักหรือดอกไม้ และมีหน้าตาแบบไหนนะคะ 😊😊
ดอกโสนเป็นพืชตระกูลเดียวกับดอกแคค่ะ ... ต้นของดอกโสนจะมีหน้าตาคล้ายกับต้นแค แต่ว่าลำต้นจะเล็กว่า กิ่งก้านสาขาจะเยอะกว่า และลำต้นก็เปราะกว่า (หักง่าย) นะคะ ต้นโสนมักจะขึ้นอยู่ตามริมคลอง ริมคันนา หรือในที่ ๆ มีน้ำแฉะ ๆ หรือตามดินที่ถมใหม่ ๆ ค่ะ (เมล็ดมักจะติดไปกับดิน) ส่วนดอกโสนหน้าตาก็จะคล้าย ๆ ดอกแคนะคะ เพียงแต่ว่าจะออกดอกเป็นช่อ ดอกจะเล็กกว่าและเป็นสีเหลือง ไม่ได้เป็นสี ขาวเหมือนดอกแคค่ะ
จะว่าไปแล้ว แม้จะใช้คำเรียกว่า "ดอก" แต่ดอกโสนก็ไม่ใช่ดอกไม้น๊าาา แต่ถือเป็นผักพื้นบ้านชนิดนึงของไทยเรา ที่นิยมเอามาเป็นผักจิ้มน้ำพริก หรือเป็นผักใส่ในแกงส้ม แกงเลียง คล้าย ๆ ดอกแค รวมถึงเอามาทำเป็นขนมอย่าง "ขนมดอกโสน" ค่ะ
วันนี้พิมก็เลยจะมาชวนเพื่อน ๆ ทำขนมดอกโสนกันสักหน่อย ไม่รู้ว่ามีเพื่อน ๆ คนไหนเคยกินบ้างไหม เพราะเดี๋ยวนี้พิมแทบไม่เคยเจอใครทำขายเลย แต่บอกเลยค่ะว่าอร่อย เป็นขนมที่มีกลิ่นอายของความเป็นไทยและความโบราณอยู่มาก ... ถ้าเพื่อน ๆ หาดอกโสนได้ พิมก็อยากให้เพื่อน ๆ ลองเอาไปทำดูกันนะคะ 😊😊
:: ส่วนผสมและเครื่องปรุง ::
- ดอกโสนที่รูดเอาก้านออกแล้ว 300 กรัม
- แป้งข้าวเจ้า 500 กรัม
- หัวกะทิ หรือน้ำลอยดอกมะลิ สำหรับหมักแป้ง 1 + 1/4 ถ้วย
- น้ำลอยดอกมะลิ สำหรับทำน้ำเชื่อม 1 ถ้วย
- เกลือสมุทรป่น 2 ช้อนชา
- น้ำตาลมะพร้าว 300 กรัม
- มะพร้าวทึนทึกขูด สำหรับโรยหน้าขนม 250 กรัม
*** ดอกโสนทั้งก้าน 500 กรัม (ครึ่งกิโล) รูดเอาเฉพาะดอก จะได้ดอกประมาณ 450-470 กรัม
:: วิธีทำ ::
อันดับแรกมาดูที่ดอกโสนกันก่อนค่ะ .. ดอกโสนมีหลายสายพันธุ์ด้วยกัน แต่เท่าที่พิมรู้พันธุ์ที่มีขึ้นในเมืองไทยตามริมบ่อ ริมคลอง กินได้ทุกพันธุ์นะคะ .. ซึ่งถ้าเพื่อน ๆ ไม่ได้เก็บดอกโสนเอง ก็สามารถหาซื้อได้ตามตลาดสด หรือในซุปเปอร์มาร์เกต อย่างแมคโคร เดอะมอลล์ TOPS โลตัส บิ๊กซี ก็มีขายค่ะ
(ภาพดอกโสนด้านบน จาก https://www.krungthai-axa.co.th/en/sesbania)
ตอนที่เราซื้อดอกโสนหรือเด็ดดอกโสนมาจากต้น เค้าจะมีก้านมาด้วย (ตามภาพด้านบน) แต่เวลาที่เราจะเอามาทำกับข้าวหรือทำขนม เราจะต้องรูดเอาไว้เฉพาะดอก ส่วนก้านทิ้งไปนะคะ
วิธีรูดดอกโสนก็ไม่ยุ่งยากเลย แต่แค่ต้องใช้เวลานิ๊ดดดนึงงงง เริ่มจากหยิบดอกโสนขึ้นมาทีละ 1 ก้าน (ช่อ) ใช้มือข้างที่ไม่ถนัดจับที่โคนก้าน แล้วใช้มือข้างที่ถนัดรูดเฉพาะดอกจากโคนก้านมาทางปลายก้าน ก็จะได้ดอกโสนออกมาหน้าตาอย่างในภาพด้านล่างนี้ค่ะ
ดอกโสนที่รูดออกมาเรียบร้อยแล้ว ถ้ายังไม่ได้เอามาทำอาหารหรือทำขนม ให้ใส่ถุง/กล่อง เก็บแช่ตู้เย็นไว้ อยู่ได้ประมาณ 1 อาทิตย์นะคะ **ห้าม** ล้างน้ำก่อนเก็บเด็ดขาด เพราะจะทำให้ดอกโสนช้ำ อมน้ำ อาจจะทำให้เสียไวค่ะ 😊
สำหรับวิธีการทำขนมดอกโสน ก็จะมีอยู่ 3-4 ขั้นตอนใหญ่ ๆ นะคะ
ขั้นตอนแรก คือ การหมักแป้ง ร่อนแป้ง
ขั้นตอนที่สอง คือ การเอาแป้งไปคลุกกับดอกโสน และนึ่งให้สุก
ขั้นตอนที่สาม คือ การทำน้ำเชื่อมสำหรับมูนขนม
และชั้นตอนสุดท้าย ก็คือ การมูนขนมค่ะ
เริ่มแรกเราจะมาหมักแป้งกันก่อนนะคะ ซึ่งในขั้นตอนนี้เนี่ย ส่วนผสมที่ใช้ก็จะมีแป้งข้าวเจ้ากับน้ำกะทิ แต่ถ้าใครไม่มีน้ำกะทิ จะใช้เป็นน้ำลอยดอกมะลิก็ได้ค่ะ
ให้เราหยิบกะละมังมาใบนึง เทแป้งข้าวเจ้าที่เตรียมไว้ใส่ลงในกะละมัง แล้วค่อย ๆ ทยอยใส่น้ำกะทิลงไปทีละ 4-5 ช้อนโต๊ะ สลับกับการนวดด้วยมือให้เข้ากัน จนน้ำกะทิหมดเราก็จะได้แป้งข้าวเจ้าที่มีความชื้น และจับตัวกันเป็นก้อนเล็ก ๆ คล้ายทรายชื้น ๆ นะคะ
ถึงตรงนี้ก็ให้หาฝาหม้อมาปิดปากปากกะละมัง และหมักแป้งไว้ประมาณ 15 นาทีค่ะ
*** ห้ามเทน้ำกะทิใส่ลงไปในกะละมังแป้งรวดเดียว เพราะจะทำให้แป้งจับตัวเป็นก้อน ผสมให้เข้ากันได้ยากนะคะ
ระหว่างที่เราพักแป้ง ก็ให้เรานำดอกโสนที่เตรียมไว้มาล้างน้ำเปล่า 1 - 2 ครั้ง แล้วเทใส่กระชอนพักให้สะเด็ดน้ำค่ะ
และเมื่อ 15 นาทีผ่านไป แป้งที่เราหมักไว้ก็จะชุ่มชื้นได้ที่ ให้เรานำแป้งมายีผ่านกระชอนตาถี่ ๆ เช่น กระชอนที่ใช้คั้นกะทิ ตะแกรงร่อนแป้งเค้ก หรือจะเป็นตะกร้าพลาสติคที่มีรูเล็ก ๆ หน่อยก็ได้นะคะ
เมื่อยีเสร็จแล้ว ก็จะได้แป้งชื้น ๆ ที่มีเนื้อละเอียดอย่างในภาพมุมซ้ายล่างค่ะ
ถึงตรงนี้ก็ให้เรานำดอกโสนที่สะเด็ดน้ำดีแล้ว ใส่ลงในกะละมังแป้ง แล้วคลุกเคล้าให้เข้ากันนะคะ
จากนั้นนำส่วนผสมไปนึ่งบนน้ำเดือดจัด ประมาณ 20 นาที โดยตอนเอาส่วนผสมใส่ลงในซึ้ง ให้รองก้นซึ้งด้วยผ้าขาวบาง หรือใบตองฉีก ๆ ก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้ขนมตกลงไปในรูซึ้งค่ะ 😊
ระหว่างนี้ ... เราจะมาทำน้ำเชื่อมที่ไว้ใช้มูนขนมกันนะคะ
ให้เราหยิบหม้อใบเล็ก ๆ มาใบนึง ใส่น้ำตาลมะพร้าว เกลือสมุทรป่น และน้ำเปล่าลงไป ยกหม้อขึ้นตั้งเตา เปิดไฟกลางค่อนมาทางอ่อน ใช้ทัพพีหรือพายคนไปเรื่อย ๆ พอน้ำตาลละลายหมด ก็ปิดไฟเตา แล้วยกหม้อน้ำเชื่อมลงมาวางพักไว้ก่อนค่ะ
และเมื่อส่วนผสมแป้งกับดอกโสนสุกดีแล้ว ก็ให้เราตัก/เทส่วนผสมทั้งหมดใส่ลงในกะละมังใบโตหน่อยนะคะ (หยิบเทตอนยังร้อน ๆ เลยน๊า อย่าวางพักไว้ให้เย็นก่อนเด็ดขาด เพราะขนมจะไม่ดูดน้ำเชื่อมค่ะ)
จากนั้นก็ตักน้ำเชื่อมใส่ลงไปในขนมทีละประมาณ 1/4 ถ้วย (กะ ๆ เอาด้วยสายตา ไม่ต้องตวงเป๊ะ ๆ ก็ได้นะคะ) แล้วก็ใช้ทัพพี หรือพาย 2 อัน คลุกเคล้าขนมให้เข้ากับน้ำเชื่อมค่ะ ... ทำอย่างนี้สลับกันไปจนกระทั่งน้ำเชื่อมหมด
เราก็จะได้ขนมดอกโสนออกมาหน้าตาอย่างในภาพด้านล่างนี้นะคะ ถึงตรงนี้เราก็สามารถตักขนมมากินได้เลย รสชาติก็จะออกหวาน มัน เค็มนิด ๆ และก็มีกลิ่นหอมของดอกโสนค่ะ
แต่เพื่อความอร่อย และความหอมมันมากยิ่งขึ้น เราก็จะใส่มะพร้าวทึนทึกขูดฝอยลงไปคลุกกับขนมด้วยนะคะ ซึ่งถ้าเราทำขนมนี้แล้วกินทันทีภายใน 4 - 5 ชั่วโมง หลังจากที่เราขูดมะพร้าวออกจากกะลาแล้ว เราก็สามารถเอามะพร้าวมาคลุกกับตัวขนมได้เลยค่ะ แต่ว่าถ้าเราจะตักแบ่งขนมไปให้เพื่อนบ้าน หรือทำไปขาย หรือทำทิ้งไว้หลาย ๆ ชั่วโมง ก็ให้เราเอามะพร้าวทึนทึกที่ขูดแล้วไปนึ่งบนน้ำเดือดจัดประมาณ 5 นาทีก่อน ค่อยเอามาคลุกกับขนม จะทำให้มะพร้าวและขนมไม่เสียง่ายนะคะ 😊😊
ขนมดอกโสนสูตรนี้ ทำเสร็จแล้วจะได้ขนมดอกโสนเยอะประมาณในภาพเลยค่ะ พิมลองตักใส่กล่องขนาด 1000 ml. (ใส่ขนม+มะพร้าวประมาณ 3/4 กล่อง) จะได้ขนม 5 กล่องนะคะ ถ้าสมมติว่าใครอยากลองทำเพราะแค่อยากรู้ว่ารสชาติเป็นยังไง อาจจะทำแค่ 1/4 สูตร คือใช้ส่วนผสมแต่ละอย่าง แค่ 1 ใน 4 ตามสูตรที่พิมบอกไป ... ก็ได้ค่ะ
ขนมดอกโสนสูตรนี้เป็นสูตรที่บ้านพิมทำกันมาตั้งสมัยย่ายายนะคะ สมัยก่อนบ้านพิมจะอยู่ติดคลองแสนแสบ มีต้นโสนขึ้นเยอะแยะมากมาย เพราะงั้นดอกโสนก็เลยกลายเป็นวัตถุดิบหลักในการทำอาหารทั้งคาวและหวานของที่บ้านพิมค่ะ ซึ่งขนมดอกโสนสูตรนี้ รสชาติจะออกหวานประมาณนึง แต่ถ้าเพื่อน ๆ ชิมแล้วรู้สึกว่าหวานน้อยไป อยากได้หวานกว่านี้อีก ตอนกินก็สามารถเติม **น้ำตาลทราย** เพิ่มได้ตามที่ชอบนะคะ
อ้อ ๆ ... เกือบลืม วิธีการมูนขนมดอกโสนกับน้ำเชื่อมที่พิมทำให้ดูในวันนี้ พิมจะทยอยใส่น้ำเชื่อมลงไนแป้ง สลับกับการคนให้เข้ากัน ซึ่งขนมที่ได้จะไม่เกาะกันเป็นก้อนมาก และมีความเบากว่าการมูนในแบบดั้งเดิมค่ะ
แต่ถ้าใครชอบขนมดอกโสนที่เนื้อขนมหนัก ๆ นิดนึง และเกาะกันเป็นก้อนนิดนึง ให้ใช้วิธีมูนแบบนี้ดั้งเดิมนะคะ คือ ให้เราเอาน้ำเชื่อมร้อน ๆ ทั้งหมดเทใส่กะละมังรอไว้ พอนึ่งแป้งและดอกโสนสุกดีแล้ว ก็ให้เทส่วนผสมแป้งร้อน ๆ ใส่ลงในกะละมังน้ำเชื่อมทั้งหมด แล้วใช้พายทัพพีคลุกเคล้าให้เข้ากันค่ะ ทีนี้ด้วยความที่ส่วนผสมมันเยอะเน๊าะ ก็จะคลุกเคล้าให้เข้ากันได้ยากกว่าแบบที่พิมทำนิดนึง เพราะงั้นวิธีนี้ก็จะได้ขนมดอกโสนที่เกาะกันเป็นก้อนนิดหน่อย แต่ก็อร่อยไปอีกแบบบนะคะ 😊😊
ยังไงลองไปทำกันดูน๊า ติดขัดตรงไหนก็มาถามไถ่กันได้ .... สวัสดีค่า 😊😊