วันนี้เป็นวันแห่งความรักทั้งที พิมก็อยากจะทำอะไรพิเศษ ๆ ให้คุณสามีสักหน่อยค่ะ แต่จะให้ดอกกุหลาบ หรือให้ช๊อคโกแลตก็คงธรรมดาไปสำหรับคู่เรา พิมก็เลยตัดสินใจว่าจะทำขนมให้คุณสามีแทนค่ะ
พูดถึงขนม... ตอนแรกพิมก็คิดอยู่นานเหมือนกันนะคะว่าจะทำขนมอะไรดี 555 เพราะคุณสามีพิมน่ะไม่ชอบกินขนมเอาซะเลยค่ะ แล้วอยู่ดี ๆ ไม่รู้ทำไม พิมก็นึกไปถึงขนมกะลอจี๊นะคะ คือสมัยวัยรุ่น (ตอนที่ยังไม่รู้จักกับคุณสามี) พิมชอบไปเดินคลองถมมาก ไปแทบจะทุกเสาร์อาทิตย์เลยค่ะ (สมัยนั้นต้องต่อรถกัน 3 ต่อเลยน๊าา กว่าจะถึงคลองถม 555) แล้วสมัยนั้นที่ตลาดคลองถมก็จะมีรถเข็นขายกะลอจี๊อยู่เยอะ ถุงละ 10 บาท 20 บาท พิมก็จะชอบซื้อกินบ่อย ๆ เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในขนมโปรดของพิมสมัยนั้นเลยนะคะ
แล้วพอนึกถึงขนมชนิด พิมก็เลยรู้สึกอยากจะทำขึ้นมาอ่ะค่ะ แต่กะลอจี๊เดิม ๆ มันเป็นสีขาวเน๊าะ เพราะงั้นพิมก็เลยจะขอเพิ่มเติมสีสรรเข้าไปสักหน่อย มันจะได้ให้ความรู้สึกว่าเข้ากับวาเลนไทน์ ส่วนสูตรกับวิธีทำจะเป็นยังไง ตามพิมมาดูเลยค่ะ ^_^
*** จริง ๆ ขนมชนิดนี้ไม่ใช่ขนมไทย แต่เป็นขนมของจีน แต่พิมไม่รู้จะเอาไว้หมวดไหน เลยขอใส่ไว้ในหมวดขนมไทยก่อนนะคะ
:: ส่วนผสมและเครื่องปรุง ::
- แป้งข้าวเหนียว 300 กรัม (แบ่งเป็น 2 ส่วน ๆ ละ 150 กรัม สำหรับสีชมพู และสีขาว)
- แป้งมัน 20 กรัม (แบ่งเป็น 2 ส่วน ๆ ละ 10 กรัม)
- น้ำเปล่า 260 มิลิลิตร (แบ่งเป็น 2 ส่วน ๆ ละ 130 มิลลิลิตร)
- สีผสมอาหารสีชมพู
- ถั่วลิสงคั่ว เอาเปลือกออก 90 กรัม
- งาขาว (ดิบ) 40 กรัม
- งาดำ (ดิบ) 30 กรัม
- น้ำตาลทราย 210 กรัม
- เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
*** ถ้าใครทำสีเดียว ก็ลดส่วนผสมทั้งหมดลง ใช้แค่อย่างละครึ่ง
:: วิธีทำ ::
ก่อนจะไปลงมือทำกัน พิมขอเล่าอย่างนี้ก่อนนะคะว่า กะลอจี๊ในสมัยก่อนตอนพิมยังเด็ก ๆ (ประมาณสัก 20 กว่าปีก่อน) ที่พิมเคยเห็นผู้ใหญ่เค้าทำกัน เค้าจะใช้เอาแป้งผสมน้ำเปล่า แล้วไปกวนบนเตา (เปิดไฟเตาด้วยน๊า) พอแป้งสุกก็ปิดไฟเตาค่ะ จากนั้นพักแป้งให้พออุ่นๆ หน่อย ก็ปั้นแป้งที่กวนได้เป็นก้อนแบน ๆ หนาประมาณ 1 นิ้ว เอาไปต้มอีกทีนะคะ พอแป้งสุกดีทั่วทั้งชิ้น ก็จับขึ้นมาพักให้สะเด็ดน้ำ แล้วเอาลงทอดในกระทะก้นแบน ที่ใส่น้ำมันลงไปน้อย ๆ ค่ะ พอผิวด้านนอกของแป้งเหลืองกรอบ คนทำเค้าก็จะใช้กรรไกรตัดเฉพาะส่วนที่เหลืองกรอบมาคลุกกับถั่ว น้ำตาล งา ที่เตรียมไว้ แล้วก็ตักใส่จานให้ลูก ๆ หลานๆ กิน หรือตักใส่กระทงให้ลูกค้านะคะ ส่วนแป้งด้านในที่ยังไม่กรอบ ก็เอาไปทอดต่อ แล้วพอเหลืองก็ตัดมาใช้เรื่อย ๆ จนหมดก้อนค่ะ ..... วิธีการมันก็อาจจะดูยุ่งยากนิดนึง เพราะงั้นวันนี้พิมจะขอปรับวิธีการทำนิดหน่อย เพื่อให้สะดวกกับคนสมัยเรามากขึ้น แต่ผลที่ได้ออกมาอร่อยเหมือนกันนะคะ ^_^
เริ่มด้วย .. หยิบกาละมังผสมมาใบนึงค่ะ ใส่แป้งข้าวเหนียว แป้งมันลงไป ตามด้วยน้ำร้อนจัด ถ้าหากว่าต้องการแป้งสีชมพู ก็เหยาะสีผสมอาหารสีชมพูลงไปสัก 4-5 หยด หรือตามความเข้มของสีชมพูที่ชอบได้เลยนะคะ จากนั้นใช้ทัพพีคน ๆ ให้แป้งเข้ากับน้ำ แล้วพักไว้จนแป้งอุ่น ๆ นิดนึง ก็ค่อยใช้มือลงไปนวดแป้งจนเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน และไม่ติดมือค่ะ .... พอนวดเสร็จก็แบ่งแป้งออกเป็น 3 ส่วน ปั้นแต่ละส่วนให้เป็นก้อนกลมแบน หนาประมาณ 1 ซม. ไว้นะคะ
ต่อมา . เราจะมาต้มแป้งกันค่ะ ก็ตั้งหม้อน้ำเปล่าบนเตาไฟ ปริมาณน้ำในหม้อกะว่าสูงสักประมาณ 5 ซม. พอน้ำเดือดก็ใส่แป้งลงไปต้มเลยจ้า สำหรับก้อนแป้งขนาดนี้ใช้เวลาต้มประมาณ 5 นาทีนะคะ ... ตอนแรกแป้งจะจมอยู่ก้นหม้อ แต่พอแป้งสุก แป้งจะลอยขึ้นมาอยู่บนผิวน้ำค่ะ พอแป้งสุก ก็ใช้ทัพพีโปร่งๆ ตักก้อนแป้งไว้แช่ไว้ในน้ำเย็นนะคะ
ระหว่างนั้น ยกหม้อลง หยิบกระทะเปล่าขึ้นวางลนเตาไฟแทนค่ะ เปิดไฟอ่อน ๆ ใส่งาขาวงาดำลงไปคั่วให้สุกเหลืองนะคะ
พอใช้ได้ก็ปิดไฟเตา ตักงาใส่ลงในครก แล้วโขลกงาเบา ๆ พอให้เม็ดงาแตกเล็กน้อย และกลิ่นหอมของงาออกมา ก็โอเคล่ะค่ะ
ส่วนถั่วลิสง .. พิมใช้ถั่วไทยเม็ดเล็กคั่วจนสุก แล้วเอาเปลือกออกนะคะ ใส่ถั่วลงในครก โขลกให้แหลกแบบหยาบๆ ก็ใช้ได้ค่ะ
จากนั้นหยิบถาดก้นลึกมาใบนึง ใส่ถั่ว งา น้ำตาลทราย เกลือลงไป คลุกให้เข้ากัน .... แล้วพักไว้ก่อนนะคะ
หันมาตั้งกระทะเปล่าบนเตาไฟค่ะ ทาน้ำมันลงไปบางๆ พิมแนะนำเป็นพวกน้ำมันมะพร้าว น้ำมันรำข้าว พวกนี้น๊า กลิ่นจะได้ไม่รบกวนกลิ่นขนมค่ะ .. แล้วพอกระทะร้อน ก็หยิบแป้งลงไปทอดด้วยไฟกลางนะคะ
พอผิวแป้งด้านนอกเหลืองกรอบทั้งสองด้าน คือ ไม่จำเป็นต้องกรอบทั้งชิ้น เอาแค่กรอบแบบในภาพก็โอเค ... ปิดไฟเตาได้เลยค่ะ
จากนั้นหยิบแป้งแต่ละชิ้น มาตัดด้วยกรรไกรเป็นชิ้นเล็ก ๆ พอคำ แล้วใส่ลงในถาดงานะคะ
คลุกเคล้าให้เข้ากัน .... แล้วเราก็จะได้ขนม #กะลอจี๊ ออกมาพร้อมกินล่ะค่ะ ^_^
ขนมชนิดนี้ เวลากินก็จะรู้สึกคล้าย ๆ กับขนมถั่วแปบนิดหน่อยนะคะ คือเป็นแป้งทอดคลุกน้ำตาล งา หวานๆ หอม ๆ แต่ว่าจะมีความกรอบกว่า หนึบกว่า ... อร่อยไปอีกแบบค่ะ
ใครสนใจก็ลองเอาไปทำทานดูนะคะ หรือจะทำขายก็ได้ พิมว่าถ้าทำขายก็น่าจะขายดีเลยค่ะ ยังไงลองไปทำทานกันดูน๊า แล้วพบกับพิมใหม่ในเมนูถัดไปจ้า