เมื่อวานนี้ พิมมีโอกาสได้ไปทำงานที่ปราจีนบุรีมาค่ะ แล้วตอนขากลับเนี่ยผ่านตลาดหนองชะอม ก็เลยถือโอกาสแวะซะหน่อย (แวะแบบไม่คิดอะไร) นะคะ
แต่ปรากฎว่าพอแวะปุ๊บ ก็เจอแม่ค้านับสิบ ๆ ร้าน เอาผักแบบบ้าน ๆ สด ๆ อย่างผักกูด ดอกโสน ดอกขจร ยอดฟักทอง มะระขี้นก และผักอื่นๆ อีกมากมาย มาขายเต็มเลยอ่ะค่ะ O_O และด้วยความที่พิมเป็นคนแพ้ผักพวกนี้ คือเห็นแล้วอดซื้อไม่ได้ -*- (ไม่ใช่ว่ากินไม่ได้นะคะ) ก็เลยซื้อติดไม้ติดมือกลับมาซะเต็ม 3 กล่องโฟมใหญ่ที่พกไปเลยอ่ะค่ะ (ตอนซื้อนี่ซื้อแบบไม่คิดสุดๆ เลยจ้า)
แล้วทีนี้พอกลับถึงบ้านก็เกิดปัญหาล่ะค่ะ คือ ผักมันเยอะมาก จนไม่รู้จะเอาผักไปทำอะไรเพื่อให้หมด >_< แบบว่าแกงเลียงไปหม้อใหญ่ก็แล้ว แกงส้มแจกรอบ ๆ บ้านไปก็แล้ว ลวกจิ้มน้ำพริกปลาร้าไปแล้ว ยำผักรวมมิตรไปแล้ว (ยำแบบยำถั่วพู) แต่ผักยังไม่หมดเลยนะคะ ..... ช่วงจังหวัดที่กำลังคิดไม่ออกอยู่ น้องชายพิมก็กลับมาจากบ้านสวนจันทบุรีพอดี แล้วก็ยื่นกุ้งสดๆ มาให้ถุงนึงประมาณเกือบ ๆ กิโล บอกว่าเป็นของฝากอ่ะค่ะ .... พิมก็เลยได้ไอเดียว่า งั้นเอากุ้งมาทำน้ำพริกกะปิกุ้งสด แล้วเอาผักที่เหลืออยู่ (แต่ยังสดปิ๊ง ๆ) มาทำเป็นผักลวกกะทิหวานๆ หอม ๆ กินคู่กัน น่าจะดีที่สุดนะคะ ..... ก็เลยเป็นที่มาของเมนูอร่อยในวันนี้ค่า ^_^
:: ส่วนผสมและเครื่องปรุง "น้ำพริกกะปิกุ้งสด" ::
- กุ้งสดต้มพอสุก 10 ตัว (น้ำหนักกุ้งตอนยังไม่แกะเปลือกประมาณ 150 กรัม)
- กะปิอย่างดี 1 + 1/2 ช้อนโต๊ะ
- กระเทียมไทยแกะเปลือก 1 ช้อนโต๊ะ
- พริกขี้หนูสวนสีแดงเขียว 10 เม็ด (เฉพาะเอามาตำ ไม่นับที่โรยหน้า)
- มะอึก 2 ลูกเล็ก หรือ 1 ลูกใหญ่
- มะนาว 3 + 1/2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลปี๊บ 1 + 1/4 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลาดี ๆ 2 ช้อนโต๊ะ
** ปริมาณน้ำปลา น้ำมะนาว และน้ำตาล อาจจะต้องใช้มากหรือน้อยกว่านี้ ขึ้นอยู่กับความเค็มของกะปิ ความหวานของน้ำตาล และขนาดตัวกุ้งด้วยค่ะ
:: ส่วนผสมและเครื่องปรุง "ผักลวกกะทิ" ::
- ผักกูด 30 กรัม
- ยอดฟักทอง 60 กรัม
- ดอกโสน 30 กรัม
- ดอกขจร 60 กรัม
- ดอกแค 30 กรัม
- ถั่วพู 30 กรัม
- มะระขี้นก 80 กรัม
- ข้าวโพดอ่อนฝักเล็ก 10 ฝัก
- ฟักทอง 50 กรัม
- กะทิอัมพวา 1 ขวด
** ชนิดของผัก และปริมาณผักแต่ละชนิด ไม่จำเป็นต้องเอาตามพิมเป๊ะๆ ก็ได้ค่ะ สามารถเลือกเฉพาะที่เพื่อน ๆ ชอบทาน หรือว่าอย่างไหนชอบทานเยอะ ก็อาจจะใช้เยอะ อย่างไหนไม่ค่อยชอบทาน ก็อาจจะใช้น้อยหรือไม่ใช้ก็ได้นะคะ แต่การกินผักที่หลากหลาย ก็จะเป็นผลดีต่อสุขภาพร่างกายเรามากกว่ากินผักน้อยชนิดจ้า
** ในภาพด้านล่าง พิมใช้ผักทุกอย่างเป็น 2 เท่าจากในสูตรนะคะ
:: วิธีทำ ::
เริ่มต้นเลย ... เราจะมาตำน้ำพริกกะปิกันไว้ก่อนนะคะ ^_^
ก็ให้เราเอากะปิที่เตรียมไว้ห่อด้วยใบตอง แล้วเอาไปปิ้งบนเตาด้วยไฟอ่อนๆ จนกระทั่งกะปิส่งกลิ่นหอมดี ก็ใช้ได้อ่ะค่ะ ซึ่งเตาที่ใช้จะเป็นเตาถ่าน เตาแก๊ส หรือเตาอบได้ทั้งนั้น แต่ถ้าเป็นเตาอบก็ใช้ไฟสัก 150 องศา เวลาประมาณสัก 3-5 นาที ... ปิ้งเสร็จ ก็พักไว้ให้เย็น ๆ นิดนึงเน๊าะคะ
** ถ้าไม่มีใบตอง จะห่อฟอยด์ก็ได้จ้า หรือถ้าไม่มีใบตองไม่มีฟอยด์ ไม่สะดวกห่อ จะใช้กะปิสด ๆ ก็ได้นะคะ แต่ถ้าย่าง จะหอมกว่าจ้า
ระหว่างรอกะปิให้คลายความร้อน เราก็จะมาจัดการกับมะอึกกันต่ออ่ะค่ะ .... ก็ให้เราถูผิวของมะอึกด้วยปลายนิ้วของเรา หรือจะใช้ฟองน้ำก็ได้ ถูจนขนของมะอึกหลุดหมด ก็เอาไปล้างน้ำให้สะอาด ซับด้วยผ้าให้แห้ง แล้วซอยไว้บาง ๆ นะคะ
มะอึก เป็นพืชที่มีรสเปรี้ยวหอม ... นิยมหั่นใส่ในน้ำพริกกะปิ แต่จะไม่ใส่ก็ได้ ... ถ้าไม่ใส่ จะต้องเพิ่มน้ำมะนาวในน้ำพริกกะปิไปอีกนิดนึงค่ะ
เมื่อเตรียมมะอึก กับกะปิเสร็จ ต่อมาเราก็จะมาตำน้ำพริกกะปิกันเลยนะคะ
ก็ให้เราเอาพริกขี้หนูสวน กับกระเทียมที่แกะเปลือกแล้ว ใส่ลงไปในครก แล้วโขลกให้ละเอียดอ่ะค่ะ (ระวังกระเด็น ถ้าพริกขี้หนูกระเด็นเข้าตา จะปวดมาก)
พอกระเทียม พริกละเอียดดี ก็ใส่กุ้งสดที่เราต้มไปว้ลงไป 4 ตัวนะคะ ตามด้วยน้ำตาลปี๊บ และกะปิค่ะ
กุ้งที่ใส่ลงไปโขลกในน้ำพริก ให้หั่นเป็นชิ้นเล็กก่อน จะได้ตำง่าย ๆ ส่วนที่เหลือหั่นชิ้นเล็กเหมือนกัน แต่เอาไว้โรยหน้าจ๊ะ
จากนั้นโขลกทุกอย่างให้เข้ากัน แล้วก็ใส่มะอึกไปนะคะ ตามด้วยน้ำมะนาว และน้ำปลาค่ะ
แล้วก็ใช้สากบี้ ๆ คน ๆ ให้น้ำมะนาว น้ำปลา เข้ากับส่วนผสมทุกอย่างในครกนะคะ .... พอเข้ากันดี ก็ตักขึ้นมาชิมรสชาติสักหน่อย ถ้าขาดอะไรไปก็เติมเพิ่มเอาตามที่ชอบเลยค่ะ ..... เสร็จแล้วก็ตักใส่ถ้วย โรยหน้าด้วยกุ้งที่เหลือ และพริกขี้หนูสวน แล้วก็พักไว้ก่อนนะคะ ^_^
เมื่อตำน้ำพริกเสร็จแล้ว เราก็จะมาทำผักลวกกะทิกันต่อเลยค่ะ แต่ว่าเราจะลวกไปทั้งแบบในภาพด้านล่างเลยไม่ได้ เพราะมันมีทั้งส่วนที่แก่ (กินไม่ได้) และส่วนที่อ่อน (กินได้) รวมถึงส่วนที่เป็นไส้เป็นเม็ด (กินไม่ได้) เราจะต้องมาจัดการเอาส่วนที่กินไม่ได้ ทิ้งไปก่อนนะคะ ^_^
เริ่มจากดอกโสน .. ให้เรานำแต่ละช่อมารูดเอาไว้เฉพาะดอกค่ะ (ล้างและพักให้สะเด็ดน้ำก่อนรูดนะคะ)
ดอกแค .. ก็ให้เราตัดขั้วด้านบน และเกสรสีเหลือง ๆ ด้านในทิ้งไปอ่ะค่ะ (ตรงวงกลมสีส้ม) เพราะความขมที่ทำให้หลายคนไม่กินดอกแค ก็มาจากเกสรนี่แหละนะคะ แต่ถ้าเป็นดอกแคที่ดอกเล็กมากๆ กลีบยังไม่เริ่มบาน ไม่ต้องเอาออกก็ได้ค่ะ
ส่วนมะระขี้นก ก็ให้เราครึ่งตามแนวยาว คว้านไส้ออกด้วยปลายช้อน หรือช้อนกาแฟ แล้วล้างให้สะอาดนะคะ
ยอดฟักทอง ... ก็ให้เราลอกเยื่อที่ผิวฟักทองออก (ตามวงกลมสีส้ม) เหมือนลอกเยื่อสายบัวอ่ะค่ะ แล้วก็หักไว้เป็นท่อนสั้น ๆ นะคะ ^_^ (ลอกแล้วล้าง หรือจะล้างแล้วลอกก็ได้)
ส่วนผักกูด ... ไม่ต้องทำอะไรเยอะ แค่เด็ดแต่ละก้านไว้เป็นท่อนสั้นประมาณสัก 3 นิ้วก็พอค่ะ แต่ให้เด็ดเฉพาะอ่อน ๆ ถ้าส่วนไหนเด็ดหรือหักไม่ได้ แปลว่าแก่ ไม่ใช้นะคะ
ชะอม (อันนี้เดี๋ยวเอาไว้ชุบไข่ทอด) ... ยอดส่วนไหนที่่อ่อน แบบว่าเราเด็ดด้วยมือได้เลย (อย่างยอดที่ 1 และ ยอดที่ 2) ก็ให้เราเด็ดไว้เป็นท่อนสั้นประมาณ 1 นิ้วนะคะ แต่ส่วนไหนที่เป็นยอดแก่ แต่ใบยังอ่อนอยู่ อย่างยอดที่ 3 ตามในภาพ ก็ให้เรารูดเอาไว้แต่ใบที่ยังหุบ ๆ อ่ะค่ะ ถ้าใบไหนแก่มาก บานมากแล้ว เราก็ไม่ใช้นะคะ
ส่วนฟักทอง ... ก็ให้เราปอกเปลือก จะด้วยมีด หรือที่ปอกเปลือกผลไม้ก็ได้ (แต่ต้องเป็นอันที่แข็งแรง ๆ หน่อยอ่ะค่ะ) ปอกเสร็จก็หั่นไว้เป็นชิ้นบางประมาณ 1 นิ้วนะคะ ส่วนความกว้างยาว ตามชอบเลย แต่พิมหั่นประมาณ 1 นิ้วจ้า
และอย่างสุดท้ายถั่วพู ... จริง ๆ ถั่วพูนี่เราจะกินดิบหรือสดก็ได้ อร่อยเหมือนกัน แต่ไหน ๆ วันนี้ คอนเซปท์พิมเป็นผักต้มกะทิ ก็เลยขอต้มกะทิถั่วพูด้วยนะคะ
ก็ให้เราเอาถั่วพูไปล้างให้สะอาดก่อน แล้วเอามาตัดขั้วตัดปลายทิ้งไปค่ะ จากนั้นก็หั่นไว้เป็นท่อนสั้นประมาณสัก 2 ซม. นะคะ (จะหั่นเฉียง หรือหั่นตรงก็ได้ ไม่มีปัญหาจ้า)
และเมื่อเราจัดการผักทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาเอาผักมาต้มกะทิแล้วล่ะค่ะ ^^
ก็ให้เราเทกะทิอัมพวา ซึ่งเป็นกะทิแท้ 100% ที่คั้นกันใหม่ ๆ สด ๆ เลย .... ใส่ลงไปในหม้อใบย่อม ๆ ประมาณครึ่งขวดนะคะ ตามด้วยน้ำเปล่าอีก 1/2 ถ้วยค่ะ (ประมาณว่าให้เป็นหางกะทิ) จากนั้นนำไปตั้งเตาโดยใช้ไฟกลางจนเดือดนะคะ
พอกะทิเดือด ก็ให้เราทยอยใส่ผักลงไปต้มทีละอย่างเลยค่ะ แต่ถ้าใครต้องการความรวดเร็ว ... ผักบางอย่าง เช่น ดอกโสน+ดอกขจร+ผักกูด+ดอกแค หรือ ถั่วพู+ยอดฟักทอง+ข้าวโพดอ่อน ก็สามารถนำมาต้มรวมกันในครั้งเดียวได้เลยนะคะ โดยผักที่ใช้เวลาต้มแป๊บเดียวก็คือ ดอกโสน+ดอกขจร+ผักกูด+ดอกแค ส่วนผักที่ใช้เวลาต้มนานขึ้นมาอีกหน่อย ก็คือ ถั่วพู+ยอดฟักทอง+ข้าวโพดอ่อน และผักที่ใช้เวลาต้มนานสุด ก็คือฟักทองกับมะระนะคะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับเพื่อน ๆ ด้วยว่า ชอบให้ผักแต่ละอย่างสุกมากน้อยแค่ไหนจ้า ... โดยเมื่อต้มผักแต่ละอย่างเสร็จ ก็ให้ตักเฉพาะผักขึ้นใส่จานพักไว้ แล้วก็ต้มผักอื่นต่อไปได้เรื่อย ๆ จนครบทุกผักเลยนะคะ ^_^
เมื่อต้มผักครบทุกอย่างแล้ว เราก็จะมาทำกะทิไว้สำหรับราดผักต่อเลยนะคะ
ก็ให้เราเทกะทิอัมพวาที่เหลืออีกครึ่งขวดลงไปในหม้อเลยค่ะ (จะใช้หม้อใบเดิมก็ได้ แต่ให้เทน้ำต้มผักเมื่อกี้ทิ้งไปก่อน หรือจะใช้เป็นหม้อใบใหม่ก็ได้)
นำไปตั้งเตาไฟ โดยใช้ไฟอ่อน ๆ นะคะ ... ระหว่างนั้นก็ใช้ช้อนคนกะทิในหม้อเป็นระยะ ๆ จนกะทิข้นขึ้น ก็เป็นอันว่าใช้ได้ล่ะค่ะ (กะทิมันจะข้นขึ้นเองโดยธรรมชาติ เมื่อปริมาณน้ำในกะทิระเหยไป)
แล้วก็นำหัวกะทิที่ข้นได้ที่แล้ว มาราดลงบนผักที่เราต้มเอาไว้ให้ทั่ว ๆ นะคะ
ก็จะได้ออกมาเป็นผักต้มราดกะทิหน้าตาน่ากินแบบนี้เลยค่า ^___^
แล้วก็จัดเสริฟคู่กับน้ำพริกกะปิกุ้งสดที่เราตำเอาไว้เมื่อกี้นี้นะคะ ส่วนถ้าใครอยากมีอะไรทานที่หลากหลายมากขึ้น ก็สามารถทำชะอมชุบไข่ทอด ปลาทูทอด และต้มไข่ เพิ่มได้ค่ะ ... เท่านี้เราก็จะได้อาหารชุดน้ำพริกกะปิกุ้งสด พร้อมกับผักต้มกะทิ ที่ทั้งอร่อย และหน้าตาดี๊ดี ไว้บนโต๊ะอาหารของเราแล้วนะคะ รับรอบงานนี้ใครได้ชิม ต้องติดใจจนกินข้าวหมดหม้อแน่นอนจ้า ^_^
เกือบลืมๆ.... ความอร่อยของเมนูนี้เนี่ย นอกจากรสชาติกลมกล่อมและความหอมของน้ำพริกกะปิแล้ว ก็อยู่ที่กะทิที่เราเอามาใช้ต้มผักเป็นสำคัญเลยค่ะ ถ้าได้กะทิที่มีความหวานหอมข้นมันตามธรรมชาิต ผักต้มกะทิของเราก็จะยิ่งอร่อยมากขึ้นนะคะ
ยังไงเพื่อน ๆ ลองไปทำทานกันดูค่า แล้วพบกับความอร่อยจากพิมใหม่ในเมนูต่อไปจ้า ^_^
:: วิธีทำชะอมชุบไข่ทอด ::
- ชะอม 1 กำ รูดเอาแต่ใบและยอดอ่อน
- ไข่ไก่ 3 ฟอง
- น้ำปลา 1/2 ช้อนชา
สำหรับชะอมปริมาณเท่านี้ จะใส่ไข่ 2 ฟอง หรรือ 4 ฟอง ก็ยังได้ ขึ้นกับว่าชอบให้มีไข่มากน้อยแค่ไหนนะคะ
ตอกไข่ไก่ 3 ฟอง ใส่ลงในชามใบใหญ่หน่อย เหยาะน้ำปลาตามลงไป แล้วใช้ส้อมตีให้ไข่เข้ากันนะคะ พอไข่เข้ากันดีแล้วก็ใส่ชะอมลงไป (ชะอม ต้องล้างน้ำก่อน แล้วค่อยนำมาเด็ด) แล้วคน ๆ ให้เข้ากันอีกทีค่ะ
จากนั้นตั้งกระทะบนเตาไฟ แล้วใส่น้ำมันลงไปนะคะ ถ้าชอบชะอมไข่ฟู ๆ ก็ใส่น้ำมันลงไปเยอะหน่อย แต่ถ้าชอบแบบแห้ง ๆ ก็ใส่น้ำมันลงไปสัก 3-4 ช้อนโต๊ะก็พอค่ะ แล้วพอน้ำมันร้อน (ใช้ไฟกลางๆ) ก็ตักชะอมไข่ที่เราทำไว้เมื่อกี้นี้ เทใส่กระทะลงไปครึ่งนึงนะคะ (เราจะแบ่งทอดให้เป็น 2 แพ) แล้วก็ใช้ตะหลิวเกลี่ย ๆ ชะอมให้กระจายไปทั่วไข่อ่ะค่ะ
พอชะอมด้านล่างเหลือง ก็ใช้ตะหลิวพลิกกลับชะอมอีกด้านลงไปทอดนะคะ
พอเหลืองทั้งสองด้าน ก็ตักขึ้นพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมันได้เลยค่ะ
ถึงเวลาทาน ก็จับชะอมทอดไข่มาหั่น ๆ ให้เป็นชิ้นพอคำ แล้วก็จัดใส่จานไว้ เท่านี้เราก็จะได้ชะอมทอดไข่อร่อย ๆ ทานแล้วค่า ^_^
:: เพิ่มเติม ::
ชะอม - ช่วยลดความร้อนในร่างกาย ช่วยบำรุงเส้นผม ช่วยในการขับถ่าย ป้องกันโรคท้องผูก และมีสารต้านอนุมูลอิสระ ทำให้ผิวหนังของเราเหี่ยวย่นช้าลง
ผักกูด - มีธาตุเหล็กและเบต้าแคโรทีนสูง ช่วยให้ไม่อ่อนเพลียง่าย แล้วยังช่วยบำรุงสายตา เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
ฟักทอง - มีวิตามินเอ ฟอสฟอรัส แคลเซียม วิตามินซี และเบต้าแคโรทีน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระในปริมาณสูง ช่วยลดการเกิดมะเร็ง โรคหลอดเลือดหัวใจ และยังช่วยต้านความชรา
ยอดฟักทอง - มีคุณสมบัติเหมือนฟักทอง แต่มีแคลเซียมและฟอสฟอรัสสูงกว่า
ถั่วพู - ช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหาร และช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งลำใส้
ดอกโสน - ช่วยแก้พิษร้อน ถอนพิษแมลงสัตว์กัดต่อย และใช้แก้ปวดมวนท้องได้ด้วย
ดอกขจร - ช่วยบรรเทาอาการเวียนศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน ช่วยบำรุงตับ บำรุงสายตา บำรุงเลือด บำรุงฮอร์โมนของสตรี
มะระขี้นก - ช่วยแก้พิษร้อน และอาการร้อนใน