ช่วงนี้คุณสามีบ่นว่าไม่อยากกินเนื้อสัตว์ใหญ่ ๆ อย่างหมู ไก่ เนื้อวัว อยากกินอะไรที่มันกินง่าย ย่อยง่าย อย่างปลา .. วันนี้พิมก็เลยจัดให้ซะ 1 เมนูนั่นก็คือ ปลานึ่งค่ะ
สำหรับปลาที่พิมนำมาทำปลานึ่งในวันนี้ พิมใช้ปลาทับทิมนะคะ จริง ๆ จะใช้ปลาช่อนหรือปลาอย่างอื่นที่เนื้อเยอะ ๆ ก็ได้ แต่ว่าตลาดที่พิมไปซื้อมีแต่ปลาช่อนเป็นๆ ขาย ปลาช่อนตายแล้วไม่มีเลย พิมก็เลยไม่อยากซื้อค่ะ ครั้นจะซื้อเป็นปลานิล พิมก็ไม่ค่อยชอบ จะเป็นปลากะพงรึก็ตัวนึง 200 กว่า แคชกินคนเดียวมื้อนึงก็หมดแล้ว ก็เลยมาลงที่ปลาทับทิมนี่แหละค่ะ ... ซึ่งหลังจากที่พิมซื้อปลามาเรียบร้อย (ให้พ่อค้าเค้าจัดการขอดเกล็ด ผ่าท้อง ควักไส้ออกให้เลย) พอกลับมาถึงบ้านพิมก็เอาเกลือป่นถู ๆ ที่ตัวปลาทั้งด้านนอกและด้านในพุง เพื่อขจัดเมือกและกลิ่นคาว ทิ้งไว้สักแป๊บ แล้วก็ล้างออกด้วยน้ำสะอาด และก็พักใส่ตะกร้าโปร่ง ๆ ไว้ให้สะเด็ดน้ำค่ะ
เมื่อปลาสะเด็ดน้ำดีแล้ว ก็จัดการเอาตะไคร้ทุบๆ มัดๆ ยัดใส่ปากปลาไปนะคะ (ยัดเท่าที่ยัดได้) ส่วนท้องก็ใส่ใบมะกรูดบ้าง ตะไคร้บ้าง โหระพาบ้างตามผักสมุนไพรที่มีอยู่ในตู้เย็น ณ เวลานั้นๆ อ่ะค่ะ เสร็จแล้วก็เอาใส่จานทนความร้อน (จานที่เราจะใช้นึ่ง) หรือถ้าไม่ใส่จานก็อาจจะรองด้วยใบตองที่ซึ้งแทนจานก็ได้ค่ะ แล้วก็เรียงรอบ ๆ ข้างตัวปลาด้วยผักทั้งหลายที่เราชอบ เช่น กวางตุ้ง ดอกกะหล่ำ กะหล่ำปลี มะเขือ ต้นหอม โหระพา ขึ้นฉ่าย ผักบุ้ง ดอกแค มะเขือ แล้วนำไปนึ่งในน้ำเดือดจัดประมาณ 10-15 นาที (ขึ้นกับขนาดตัวปลา) ก็เป็นอันใช้ได้ล่ะค่ะ
และเมื่อปลานึ่งสุกแล้ว นอกจากผักที่เราจะใช้กินกับปลานึ่งแล้ว เราก็ต้องมีน้ำจิ้มด้วยอ่ะค่ะ สำหรับน้ำจิ้มเนี่ยปกติพิมก็จะทำอยู่ประมาณ 3 อย่างตามในภาพด้านล่าง นั่นก็คือ น้ำจิ้มแจ่ว รสเค็มเผ็ด - น้ำจิ้มที่คล้ายน้ำจิ้มทะเล รสเปรี้ยว เค็ม เผ็ด หวานนิดๆ และน้ำจิ้มมะเขือเทศ (แจ่วมะเขือเทศ) ซึ่ง 2 อย่างหลังนี่ ก็คือน้ำจิ้มที่พิมจะเอามารีวิวให้เพื่อน ๆ ได้ดูกันน่ะค่ะ
ว่าแล้วก็ตามไปดูวิธีการทำน้ำจิ้มแจ่วมะเขือเทศเป็นอย่างแรกก่อนเลยนะคะ
:: ส่วนผสมและเครื่องปรุง ::
- มะเขือเทศท้อ 2 ลูก
- พริกขี้หนูแดงเม้ดใหญ๋ 4 เม็ด
- พริกขี้หนูแห้งคั่ว โขลกหยาบๆ 1 ชช. (หากไม่ชอบเผ็ด ลดเหลือ 1/2 ชช.)
- กระเทียมไทย 1 หัว
- หอมแดง 4 หัว
- น้ำมะขามเปียกต้มสุก 1 + 1/2 ชต.
- น้ำปลาดี ๆ 1 + 1/2 ชต.
:: วิธีทำ ::
ก่อนอื่น ... พิมต้องขอบอกว่า สำหรับเมนูนี้หรือแจ่วชนิดนี้ พิมไม่รูปตอนทำมาให้ดูนะคะ เพราะว่าตอนพิมทำฝนตกหนักมาก ลมก็แรง ทำให้พิมทำครัวที่ครัวนอกบ้านไม่ได้ ต้องหอบข้าวของมาทำครัวในบ้านซึ่งแสงไม่พอ ก็เลยถ่ายรูปตอนทำไม่ได้ แต่พอทำเสร็จสักครึ่ง ชม. ฝนหยุด ฟ้าสว่างก็เลยมีโอกาสถ่ายรูปตอนเสร็จแล้วมาให้ดูแทนนะคะ แต่คิดว่าจากคำอธิบายของพิม (ซึ่งพยายามจะอธิบายให้ละเอียดที่สุด) เพื่อน ๆ ก็น่าจะเห็นเป็นภาพได้ไม่ต่างจากภาพจริง ๆ อ่ะค่ะ ^__^ ว่าแล้วเราก็มาเริ่มลงมือทำกันเลยนะคะ
อันดับแรก ....ก็ให้เอามะเขือเทศทั้งลูกไปย่างบนเตาถ่าน โดยใช้ไฟกลางค่อนมาทางอ่อนให้สุกก่อนนะคะ ใช้เวลาในการย่างพอสมควรเหมือนกัน แต่พิมไม่ได้จับเวลาว่าเท่าไหร่อาศัยย่างไปเรื่อย ๆ ระหว่างทำกับข้าวอย่างอื่น แต่หากใครไม่อยากเสียเวลาย่างบนเตาถ่าน ไม่อยากต้องมานั่งคอยดูคอยพลิกลูกมะเขือเทศ ก็ให้ใช้วิธีเอาเข้าไปย่างในเตาอบแทนค่ะ ใช้เวลาพอควรเหมือนกัน น่าจะสัก 20 นาที จนเปลือกมะเขือเทศเกรียมเป็นบางส่วนและเริ่มหลุดออกมาเผยให้เห็นเนื้อมะเขือเทศใส ๆ ด้านในก็เป็นอันใช้ได้ .... แล้วพอสุกดี ก็หยิบขึ้นใส่จาน ตักทิ้งไว้สักพักให้พออุ่น ๆ ก็ลอกเปลือกทิ้งไป เหลือแต่เนื้อมะเขือเทศเป็นลูก ๆ ไว้นะคะ
ต่อมาก็ปอกเปลือกหอม-กระเทียมให้เหลือแต่เปลือกอ่อนๆ พริกขี้หนูแดงก็เด็ดก้านออก แล้วนำ 3 อย่างนี้ไปคั่วรวมกันในกระทะจนสุกและเหลืองหอม หรือจะใช้วิธีย่างในเตาอบไปพร้อมกับมะเขือเทศก็ได้ค่ะ .... คั่วเสร็จย่างเสร็จ ก็ตักขึ้นพักไว้ในจานให้อุ่นๆ
จากนั้นเมื่อวัตถุดิบทั้งหมดพร้อมก็มาลงมือปรุงแจ่วมะเขือเทศกันได้เลยค่ะ ........ ^___^
โดยเริ่มจากเอา พริกขี้หนูแดง + หอม + กระเทียมที่เราคั่วจนสุกแล้ว + พริกขี้หนูแห้งคั่วป่นใส่ลงในครกนะคะ โขลกให้แหลกแบบหยาบๆ ตามด้วยมะเขือเทศ (ทั้งเนื้อและเมล็ด) แล้วก็โขลกเบา ๆ พอให้มะเขือเทศแหลกอ่ะค่ะ อย่าโขลกให้เละเกิน จะดูไม่สวยและกินไม่อร่อยนะคะ
แล้วก็ทำการปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียกและน้ำปลาดี ๆ ชิมรสตามชอบค่ะ อยากให้เปรี้ยวก็ใส่น้ำมะขามเปียกเพิ่มได้ แต่ถ้าอยากให้เปรี้ยวแบบหอมน้ำมะนาวจะใส่น้ำมะนาวผสมน้ำมะขามเปียกก็ได้เช่นกันนะคะ .... สุดท้ายแล้วก็ตักใส่ถ้วยเล็กๆ เป็นอันว่าเราก็ได้แจ่วมะเขือเทศหรือน้ำจิ้มมะเขือเทศสำหรับกินกับปลานึ่ง หรือกินเสมือนเป็นน้ำพริกอย่างนึงแล้วอ่ะค่ะ ..... ยังไงก็ลองเอาไปทำดูกันนะคะ