คนที่ชอบกินขนมจีนน้ำยากะทิ (ที่มีส่วนผสมของเนื้อปลา) พอถึงหน้าเทศกาลกินเจ แล้วต้องกินอาหารเจ ซึ่งทานเนื้อสัตว์ไม่ได้ หลายคนก็คงจะโหยหายอยากกินขนมจีนน้ำยากันอยู่เน๊าะคะ
เพราะงั้นวันนี้พิมก็เลยขอเอาขนมจีนน้ำยากะทิสูตรนึงมาฝากค่ะ เป็นขนมจีนน้ำยาสูตรที่คนกินเจทานได้ 100% แถมยังรสชาติอร่อย และมีความหอมไม่แพ้กับขนมจีนน้ำยาปลาเลย นั่นก็คือ #ขนมจีนน้ำยาเห็ด นะคะ ^_^ ไปดูส่วนผสมและวิธีทำกันเลยจ้า
:: ส่วนผสมและเครื่องปรุง ::
- น้ำพริกแกงเผ็ดเจ 2 ช้อนโต๊ะ
- เห็ดนางฟ้า 200 กรัม
- กระชายบด 3 ช้อนโต๊ะ
- กะทิอัมพวา 2 ขวดเล็ก
- น้ำเปล่า 2 ถ้วย
- ผงปรุงรสเห็ดหอม 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
- เกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ
- ลูกชิ้นเจ 200 กรัม
- น้ำมันพืชสำหรับผัดพริกแกง 3 ช้อนโต๊ะ
- พริกขี้หนูแห้งทอด ตามชอบ
- ผักแกล้มต่างๆ เช่น ผักกาดดอง กะหล่ำปลีซอย แตงกวา ถั่วฝักยาว ถัวงอกดิบ ถั่วงอกลวก มะระจีนลวก ใบแมงลัก ผักบุ้งต้ม มากน้อยตามชอบ
** อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับการใช้ถ้วยตวง ช้อนตวง ได้ >> ที่นี่ << นะคะ
** พริกแกงเผ็ด หรือพริกแกงกะทิเจ ในช่วงเทศกาลกินเจ สามารถหาซื้อได้ทั้งในซุปเปอร์มาร์เกต และตามตลาดสดทั่วไปค่ะ
** ลูกชิ้นเจ ถ้าไม่กิน จะไม่ใส่ก็ได้นะคะ
:: วิธีทำ ::
เริ่มต้นเลย เราก็จะมาต้มเห็ดกันก่อนนะคะ ..... ก็ให้เราเทกะทิอัมพวาใส่ลงในหม้อใบย่อมๆ ประมาณครึ่งขวดค่ะ แล้วก็เทน้ำเปล่าทั้งหมดตามลงไปเลยนะคะ
จากนั้นนำหม้อกะทิขึ้นตั้งไฟ โดยใช้ไฟกลางค่ะ .... ระหว่างรอกะทิเดือด ก็ให้เรานำเห็ดไปล้างน้ำแบบผ่าน ๆ แล้วฉีกให้เป็นชิ้นเล็กลงสักหน่อยนะคะ
พอกะทิเดือด ก็ให้เราใส่เห็ดลงไปค่ะ แล้วก็ต้มไปประมาณสัก 1-2 นาที หรือจนเห็ดนุ่ม ก็ปิดไฟเตาได้เลยนะคะ
ตักเห็ดทั้งหมดใส่ลงในโถปั่นน้ำผลไม้ค่ะ ส่วนน้ำกะทิ ตักใส่ไม่ต้องเยอะ เอาแค่ว่าพอปั่นเห็ดได้เท่านั้นนะคะ ^_^ แล้วก็นำไปปั่นจนเห็ดละเอียด ไม่เหลือให้เห็นเป็นชิ้น ๆ อ่ะค่ะ
จากนั้นก็เทเห็ดปั่นทั้งหมดใส่ลงในหม้อกะทิใบเดิมนะคะ แล้วก็พักเอาไว้ก่อนค่ะ ^^
หันมาตั้งกระทะสำหรับผัดพริกแกงบนเตาไปนะคะ (ใช้ไฟกลางค่อนมาทางอ่อน) ใส่น้ำมันสำหรับผัดลงไป พอน้ำมันเริ่มร้อนก็ใส่พริกแกงกะทิเจลงไปผัดค่ะ
พอพริกแกงส่งกลิ่นหอม ก็ใส่กะทิอัมพวาอีกครึ่งขวดลงไป แล้วก็ผัดให้กะทิเข้ากับพริกแกง และผัดไปเรื่อย ๆ ใจเย็น ๆ ^^ จนพริกแกงแตกมันเป็นสีสวยก็ใช้ได้นะคะ
จากนั้นยกกระทะพริกแกงลง เอาหม้อน้ำกะทิขึ้นตั้งเตาแทนอ่ะค่ะ แล้วก็ตักพริกแกงที่เราผัดไว้เมื่อกี้ใส่ลงไปในหม้อน้ำกะทินะคะ
ตามด้วยกะทิอัมพวาที่เหลืออีกขวดนึง และกระชายบด ..... ปรุงรสด้วยผงปรุงรสเห็ดหอม น้ำตาลปี๊บ เกลือป่น คนให้น้ำตาลละลาย แล้วตักขึ้นมาชิมรสชาติตามชอบอ่ะค่ะ ซึ่งน้ำยาเห็ดเนี่ย กลิ่นและรสจะไปทางเดียวกับน้ำยากะทินะคะ (เพียงแต่ไม่มีกลิ่นปลาเท่านั้นเอง) คือเค็มนำ หอมกระชาย และหวานมันจากกะทิอ่ะค่ะ ซึ่งเคล็ดลับความอร่อยของน้ำยาเห็ด นอกจากความเข้มข้นหอมมันของกะทิแล้ว การปรุงให้ได้รสชาติที่กลมกล่อมและถูกใจคนกินก็เป็นเรื่องสำคัญนะคะ เพราะนั้นแล้วถ้าเพื่อนๆ ชิมแล้วรู้สึกขาดรสไหนไป ก็ปรุงเพิ่มเอาตามชอบเลยค่ะ แต่ถ้าเกิดว่าเค็มมากเกิน (เพราะพริกแกงที่เราใช้ มาจากคนละที่กัน) ก็สามารถเติมกะทิหรือน้ำเปล่าเพิ่มได้ เพื่อลดความเค็มลงนะคะ หรือถ้าเผ็ดมากเกิน ก็เติมกะทิไปได้อีกหน่อยเช่นกันค่ะ
และเมื่อได้รสชาติที่ชอบแล้ว ก็ให้ใส่ลูกชิ้นลงไปเลยนะคะ (ลูกชิ้นในภาพ เป็นหมี่กึงค่า)
แล้วก็รอให้น้ำยาเดือดอีกที ก็เป็นอันใช้ได้ล่ะค่า ^_^
ทีนี้พอถึงเวลาจะทาน ก็เสริฟน้ำยาเห็ดของเรา คู่กับขนมจีน พริกขี้หนูแห้งทอด และผักสดตามชอบเลยนะคะ
แล้วเราก็จะได้อาหารเจ ที่ทั้งอร่อย และทำไม่ยาก แถมยังผักเยอะ กินแล้วไม่อ้วน ....... ที่สำคัญคนไม่กินเจ ก็ทานได้อร่อยค่า ^_^
ยังไงลองไปทำทานกันดูนะคะ เป็นอีกหนึ่งเมนุอาหารเจที่พิมภูมิใจนำเสนอมากๆ เลยค่า ^_^