หลายปีก่อน พิมเคยรีวิววิธีการทำสาคูกะทิสดลงเวบไซท์พันทิป  มาปีนี้ฤกษ์งามยามดี ขอมารีวิววิธีการทำสาคูน้ำนมข้าวโพดในเวบครัวบ้านพิมบ้างค่ะ 

"สาคูน้ำนมข้าวโพด"  เป็นขนมที่มีวิวัฒนาการมาจากขนมสาคูกะทิสดที่พิมโพสต์ลงเวปพันทิปเมื่อหลายปีก่อนอ่ะค่ะ  สมัยนั้นพิมชอบกินขนมอะไรที่เป็นกะทิสดมาก  แต่เนื่องจากกะทิมีไขมันสูง  พิมจึงพยายามเลี่ยงไปใช้อย่างอื่นแทนกะทิในการทำขนมและอาหาร  ซึ่งบางอย่างมันก็ออกมาโอเคให้ความรู้สึกใกล้เคียงกับการใช้กะทิ   บางอย่างออกมาโอเคแต่ให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันไปจากเดิม   แต่บางอย่างยังไงก็ต้องเป็นกะทิเหมือนเดิมถึงจะอร่อยเหมือนเดิมอ่ะค่ะ

สำหรับขนมชนิดนี้ ....... ตอนแรกพิมก็ไม่รู้ว่าจะลองเปลี่ยนจากกะทิไปใช้อะไรดี  ก็ลองไปเรื่อยแหละค่ะ น้ำเต้าหู้ก็เคย  นมสดก็เคย  แต่มันก็ยังไม่ค่อยมีอะไรที่พิมคิดว่าใช่  จนกระทั่งวันนึงทำนมข้าวโพดกิน แล้วนมข้าวโพดมันเหลือ   บวกกับวันนั้นทำอะไรสักอย่างที่เกี่ยวกับสาคู  แล้วแป้งสาคูที่นวดแล้วมันเหลือ เลยลองจับมารวม ๆ กัน ... ทานแบบอุ่นๆ  ปรากฎว่าเป็นอะไรที่เข้ากันได้อย่างไม่น่าเชื่ออ่ะค่ะ   ก็เลยอยากให้เพื่อน ๆ ได้ลองเอาไปทำดูกันนะคะ  ^_^ 

หมายเหตุ  สูตรที่พิมให้ไว้สำหรับเมนูนี้และทุกเมนู  ขอให้คิดซะว่าเป็นแนวทางนะคะ  เพราะเพื่อนๆ อาจจะไม่ได้ชอบรสชาติเดียวกันพิม  ดังนั้นแล้วหากเพื่อน ๆ ชอบรสแบบไหนก็ปรับเพิมลดส่วนผสมและเครื่องปรุงเอาได้ตามใจชอบเลยนะคะ  

 

:: ส่วนผสม ::

- สาคูเม็ดเล็ก  1 ถ้วย
- น้ำร้อนจัด 1/2 ถ้วย + 2 ชต.
- ข้าวโพดหวาน (ดิบ)  ฝานเอาแต่เนื้อ  320 กรัม หรือประมาณ 2 ฝักกลางๆ
- น้ำเปล่า  1 + 3/4 ถ้วย
- น้ำตาลทรายขาว 1/4  ถ้วย + 1/8  ถ้วย
- เกลือป่น 1/8  ชช.
- ใบเตยหอม 3-5 ใบ

เพิ่มเติม  รายละเอียดเกี่ยวกับการตวง  ถ้วยคืออะไร ถ้วยตวง  ชต. ชช.  ช้อนตวงคืออะไร  วิธีการใช้ถ้วยตวง ช้อนตวง >> คลิ๊กที่นี่ <<

........ แต่นิดนึงค่ะ  เพื่อนๆ ดูส่วนผสมด้านบนแล้วมาดูรูปส่วนผสมด้านล่างอาจจะงงนะคะ  ว่าทำไมข้างบนมีข้าวโพดหวาน น้ำตาล  แต่ทำไมในภาพด้านล่างไม่มี ....... คืออย่างนี้ค่ะ  พิมแอบเบลอนิดนึง คือพิมลืมถ่ายรูปตอนก่อนทำนมข้าวโพดค่ะ  พอทำเสร็จออกมาเป็นรูปร่างแล้วถึงนึกถึง - -"  เพราะงั้นในภาพด้านล่าง  น้ำสีเหลืองในถ้วยคือนมข้าวโพดที่พิมทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว  ซึ่งพิมจะอธิบายวิธีการทำอีกทีในส่วนของขั้นตอนการทำ   แต่ส่วนผสมโดยรวมทั้งหมดที่ใช้คือตามรายละเอียด้านบนนะคะ ....... หวังว่าจะไม่งงเน๊าะ ^_^

 

 

 

(ด้านล่างนี่คือ ภาพวัตถุดิบลำดับที่ 2-3-4-5 ตามในรายการส่วนผสม  ซึ่งเมื่อทำเสร็จแล้วจะกลายเป็นนมข้าวโพดสีเหลืองในถ้วยในภาพด้านบนค่ะ)

:: วิธีทำ  ::

สิ่งแรกที่เราจะต้องทำสำหรับขนมชนิดนี้ คือการทำนมข้าวโพดนะคะ  เริ่มต้นก็มาดูส่วนข้าวโพดที่พิมใช้กันก่อนค่ะ ...... หน้าตาเป็นแบบนี้   ซึ่งป้าคนขายเค้าเรียกว่าข้าวโพดหวาน  (ไม่รู้ว่าเป็นชื่อสามัญหรือชื่อเฉพาะรึเปล่า ^_^) ....    ก็นำมาแกะเปลือกออกให้หมดนะคะ

พอแกะเปลือกเสร็จ ก็ดึงเส้นไหมข้าวโพดทิ้งไปด้วย   นำไปล้างน้ำ  พักให้สะเด็ดน้ำ แล้วนำมาฝานเอาแต่เนื้อข้าวโพดไว้ค่ะ

จากนั้นนำไปปั่นรวมกับน้ำเปล่าที่เป็นน้ำธรรมดา (ไม่ใช่น้ำเดือด)    จนข้าวโพดละเอียด ไม่เป็นเม็ด   (เพื่อน ๆ จะปั่นในเครื่องปั่นน้ำผลไม้ หรือจะ food processor ก็ได้นะคะ ตามสะดวกเลย) 

ก็นำมากรองเอาไว้แต่น้ำค่ะ   ส่วนกากก็สามารถนำไปแปรรูปเป็นอาหาร/ขนมอย่างอื่นเช่น ทำโจ๊กข้าวโพด  ข้าวโพดกวน ได้นะคะ ^_^  

 พอกรองเสร็จ ลำดับต่อไปเราจะต้มนมข้าวโพดของเราให้สุกค่ะ  แต่การต้มแบบเอาหม้อตั้งไฟโดยตรงเลย จะทำให้นมข้าวโพดเป็นลิ่มได้ง่าย    เพราะนั้นพิมก็เลยจะต้มแบบไม่ให้หม้อโดนไฟโดยตรงนะคะ  โดยพิมใช้หม้อในของหม้อสุกี้ที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว   (ซึ่งแน่นอนว่าใบใหญ่กว่าหม้อที่พิมใส่น้ำข้าวโพด)   ใส่น้ำสูงสัก  3 นิ้ว  แล้วนำหม้อใบนั้นไปตั้งไฟ 

รอจนน้ำในหม้อเดือด  ก็เอาผ้าขนหนู (สะอาด) ผืนเล็กพับแล้ววางลงไปที่ก้นหม้อ  แล้วค่อยเอาหม้อนมข้าวโพดของเราวางบนผ้าขนหนูอีกทีอ่ะค่ะ 

จากนั้นก็คนไปเรื่อย ๆ เป็นระยะ (บ่อยๆ)  จนกระทั่งนมข้าวโพดของเราสุก  (ข้น สีเข้ม มีความวาวมากขึ้น)  ก็ใส่น้ำตาลทรายและเกลือป่นลงไป  คนต่อให้น้ำตาล+เกลือละลายหมด ก็ตักขึ้นมาชิมรสชาติว่าหวานถูกใจไหม (ให้หวานนิดนึง เพราะสาคูของเราจืด จะได้สมดุลย์กัน)   เมื่อได้รสหวานตาชอบแล้วก็ยกลงจากเตา  พักไว้ก่อนค่ะ   (ปิดไฟเตาได้เลย) 

ต่อมาก็นำสาคูที่เราเตรียมไว้เทใส่กระชอน แล้วล้างให้สะอาด   โดยวิธีการล้างนั้นมี 2 แบบด้วยกัน ก็คือวิธีแรกล้างด้วยการเทน้ำหรือเปิดน้ำจากก๊อกราดลงบนสาคูให้ทั่วๆ  แล้วเอามือคนสาคูไปพร้อมกัน หรือ  วิธีที่สองคือ เอากระชอนที่มีสาคู จุ่มลงในกาละมังที่ใส่น้ำเยอะหน่อย แล้วเอามือคนๆ สาคูอ่ะค่ะ ...... เพื่อน ๆ จะทำตามวิธีไหนก็เลือกเอาที่สะดวกเลยนะคะ  ....... พอล้างเสร็จ ก็พักให้สะเด็ดน้ำค่ะ 

เพิ่มเติม  สำหรับสาคู มันจะมีแบบเม็ดใหญ่กะเม็ดเล็ก ให้เพื่อนๆ  เลือกใช้เม็ดเล็กนะคะ  และในส่วนของเม็ดเล็กก็ยังมีแบบสีขาวล้วน  สีเขียวล้วน  สีชมพูล้วน  และก็สามสีปนกันอย่างที่พิมใช้ในวันนี้ เพื่อน ๆ ก็เลือกเอาตามชอบหรือตามที่มีเลยนะคะ

จากนั้นนำสาคูมาเทใส่กาละมังค่ะ  แล้วเทน้ำร้อนจัดใส่ลงไป  เอาทัพพีคนๆ ให้สาคูเข้ากับน้ำร้อน แล้วพักไว้ให้สาคูดูดน้ำจนอิ่มตัวประมาณ 10 นาที   ก็ทำการนวดเบา ๆ พอเข้ากันและสาคูจับตัวเป็นก้อนได้ก็พอล่ะค่ะ   แต่ถ้าหากสามารถไม่จับตัวเป็นก้อน เติมน้ำอุ่นลงไปได้อีกนะคะ แต่ค่อย ๆ เติมทีละนิด เช่น ครั้งละ 1/2 -  ชต. ไม่งั้นถ้าเผลอเติมมากไป สาคูจะเหลวเกิน ปั้นเป็นก้อนไม่ได้อ่ะค่ะ 

พอนวดสาคูได้ที่แล้ว  ก็นำน้ำเปล่า  (ไม่เกี่ยวกับในสูตร)  ใส่ลงไปในหม้อใบย่อม ๆ ให้สูงสักประมาณ 4-5  นิ้ว ใส่ใบเตยที่ล้างสะอาดและมัดเรียบร้อยแล้วใส่ลงไป  นำหม้อขึ้นตั้งเตา เปิดไฟกลาง รอจนน้ำเดือดจัด ก็ปั้นสาคูเป็นก้อนพอคำลงไปต้มจนกระทั่งสุก  ซึ่งช่วงนี้ใช้เวลานานนิดนึง  แต่มากน้อยแค่ไหนไม่สามารถบอกเป๊ะๆ  ได้ ขึ้นกับขนาดก้อนสาคูเป็นสำคัญอ่ะค่ะ .......  แต่กะว่าพอให้ก้อนสาคูนั้นมีความใส และไม่เป็นไตข้างในเม็ด  ถือว่าใช้ได้ล่ะค่ะ 

เพิ่มเติม  อย่าปั้นให้ใหญ่มาก ไม่งั้นรสชาติ รสสัมผัสมันจะไม่เข้ากับนมข้าวโพดนะคะ  อย่างขนาดในภาพที่พิมปั้นเนี่ย พิมว่าใหญ่สุดเท่าที่รสชาติจะสามารถเข้ากันได้แล้วอ่ะค่ะ

ก็ตักขึ้นใส่ในหม้อนมข้าวโพดที่เราทำไว้เมื่อสักครู่นี้   แล้วพักไว้ประมาณ 30 นาที - 1 ชม.  เพื่อให้สาคูดูดซับรสชาติจากนมข้าวโพดเข้าไปสักหน่อย ก็ค่อยตักเสริฟค่ะ  (ถ้าอุ่นนมข้าวโพดให้ร้อนก่อนแล้วค่อยใส่สาคูลงไป จะดีมากเลยค่ะ เพราะสาคูจะดูดซับรสชาติจากนมข้าวโพดได้ดีขึ้น) 

สุดท้ายเมื่อถึงเวลาเสริฟ ก็ตักทั้งสาคูและนมข้าวโพดใส่ถ้วยเล็ก ๆ พอทาน  ตกแต่งด้วยเมล็ดข้าวโพดต้มสุกสักถ้วยละ 1-2 ชต.  เท่านี้เราก็จะได้ขนมหวานในสไตล์ไทย ๆ ที่ทำง่าย แต่หน้าตาสวยงามแล้วอ่ะค่ะ 

และหากเพื่อนๆ  อยากเพิ่มมูลค่าให้ขนมชนิดนี้ ก็สามารถใส่พวกมะพร้าวอ่อน มะพร้าวเผาหั่นเป็นเส้นเล็ก ๆ ลงไปด้วยก็ได้ หรือจะเป็นพวกเครื่องน้ำแข็งใส อย่างถั่วแดง  วุ้นมะพร้าว  ก็เข้ากันได้ดีเลยค่ะ  .... และอีกนิด เกือบลืมเลยค่ะ ขนมชนิดนี้เสริฟได้ทั้งแบบร้อนและเย็นนะคะ ขึ้นอยู่กับความต้องการของเพื่อน ๆ ว่าชอบแนวไหน  ถ้าอากาศหนาวแนะนำให้เสริฟแบบร้อน  ถ้าอากาศร้อนแนะนำให้เสริฟแบบเย็นค่ะ ^_^ 

ยังไงก็ลองไปทำกันดูนะคะ  เป็นอีกหนึ่งขนมที่พิมอยากแนะนำเลยค่ะ ^_^