หลายๆ คนอาจจะเคยได้ยินเมนูที่ชื่อว่า กะปิคั่ว ใช่ไหมคะ พิมเองก็ชอบทานเมนูนี้มากค่ะ เพราะสมัยเด็ก ๆ ที่บ้านพิมมักทำเมนูนี้กันบ่อย แต่วันนี้พิมไม่ได้จะมาสาธิตเมนูกะปิคั่วนะคะ แต่จะมาสาธิตเมนูปลาอินทรีเค็มคั่วแทนจ้า
พูดถึงเมนูนี้ .... พิมก็อยากจะเล่าให้ฟังค่ะว่า ตั้งแต่สมัยเด็ก ๆ จนโตมาเนี่ย พูดถึงอาหารประเภทเครื่องจิ้มที่ลงท้ายด้วยคำว่า "คั่ว" พิมก็จะรู้จักแต่กะปิคั่ว และที่บ้านพิมก็เคยทำแต่กะปิคั่วให้ทาน ส่วนอาหารคั่ว ๆ อย่างอื่น ไม่เคยได้ยิน ไม่เคยรู้จักมาก่อนเลยค่ะ
จนกระทั่งสักสิบกว่าปีที่แล้ว ตอนช่วงเริ่มทำงานใหม่ ๆ มีเพื่อนที่ทำงานพาไปทานอาหารไทยร้านเก่าๆ ร้านนึง ขณะที่กำลังสั่งอาหารกัน เพื่อนคนนึงก็พูดขึ้นมาแบบลอยๆ ว่า อยากกินกะปิคั่วอ่ะไม่ได้กินนานมากแล้ว ... แล้วคาดว่าพนักงานเสริฟของที่ร้านเค้าจะได้ยิน เค้าก็พูดอย่างสุภาพกลับมาว่า "กะปิคั่วที่ร้านไม่มี มีแต่ปลาอินทรีเค็มคั่ว .. จะรับไหมคะ" อะไรประมาณนี้ ซึ่งเพื่อนพิมก็สงสัยค่ะว่าเมนูปลาอินทรีเค็มคั่วเนี่ยจะหน้าตาและรสชาติเป็นยังไงก็เลยสั่งมา ปรากฎว่าหน้าตาและรสชาติคล้ายกะปิคั่วมากค่ะ พิมเองได้ทานเมนูนี้ครั้งแรกก็ในครั้งนั้นแหละค่ะ
แล้วหลังจากนั้นผ่านมาหลายปี พิมก็ไม่ได้สนใจเมนูนี้อีกเลย จนกระทั่งมีวันนึงพิมไปเปิดนิตยสารอาหารเก่าๆ เล่มนึงแล้วเจอเมนูหลนปลาอินทรีเค็มคั่ว (ที่บอกไว้ว่าเมนูนี้มีส่วนผสมอะไรบ้าง แต่ไม่ได้บอกว่าใช้อย่างละเท่าไหร่) ก็เลยนึกไปถึงร้านอาหารร้านนั้นและก็เลยพาลคิดถึงรสชาติเครื่องจิ้มเมนูนี้ขึ้นมา ก็เลยมาลองหัดทำดูค่ะ
แต่ก็นั่นแหละ ... ด้วยความที่เป็นเมนูที่พิมไม่คุ้นเคยเลย เพราะทานก็เพิ่งเคยทานครั้งเดียว การทดลองทำปลาอินทรีเค็มคั่วในครั้งแรกก็เลยออกมาไม่ค่อยเวิร์คนักค่ะ คือหน้าตาอาจจะโอเค แต่รสชาติและกลิ่นเหมือนจะขาดอะไรไปบางอย่าง (หรืออาจจะหลายอย่าง ฮ่ะๆ) แต่พิมก็ไม่ยอมแพ้ค่ะ หลังจากนั้นพอมีโอกาส มีวัตถุดิบก็ลองทำมาเรื่อยๆ ถ้าจำไม่ผิดประมาณสักครั้งที่ 5-6 ก็เริ่มเข้าที่ล่ะค่ะ จากนั้นพิมเริ่มเอาไปให้ผู้ใหญ่ในบ้านและผู้ใหญ่แถวบ้านได้ชิมแหละว่า เค้าจะรู้สึกยังไง ปรากฎว่าทุกคนก็บอกว่าโอเคค่า ใช้ได้เลย บางคนถึงกับยุว่าให้ทำขายด้วยสิ ...... ก็เลยเป็นที่มาของ "ปลาอินทรีเค็มคั่ว" ในวันนี้แหละจ้า
หมายเหตุ สูตรที่พิมให้ไว้สำหรับเมนูนี้และทุกเมนู ขอให้คิดซะว่าเป็นแนวทางนะคะ เพราะเพื่อนๆ อาจจะไม่ได้ชอบรสชาติเดียวกันพิม ดังนั้นแล้วหากเพื่อน ๆ ชอบรสแบบไหนก็ปรับเพิมลดส่วนผสมและเครื่องปรุงเอาได้ตามใจชอบเลยนะคะ
:: ส่วนผสมและเครื่องปรุง ::
- ปลาอินทรีเค็ม 2 ชิ้นเล็ก หรือ 1 ชิ้นใหญ่ (ขนาดชิ้นดูจากภาพในส่วนของวิธีทำ)
- พริกชี้ฟ้าแห้งเม้ดใหญ่ 5 เม็ด (ในภาพกรีดเอาเมล็ดพริกออก แช่น้ำไว้จนนิ่ม แล้วบีบให้แห้ง)
- มะพร้าวขูดขาว 3 + 1/2 ชต.
- กระชาย 7 รากใหญ่
- หอมแดง 3 หัวใหญ่
- ข่าแก่ความยาวเกือบๆ 1 ซม.
- ตะไคร้ 2 ต้น
- หัวกะทิ 1 + 3/4 ถ้วย
- เกลือป่น 1 + 1/2 ชต.
- น้ำตาลปี๊บ 1.5 - 2 ชต. (หรือถ้าใครชอบหวานกว่านี้ จะใส่มากกว่านี้ก็ได้)
เพิ่มเติม :: รายละเอียดเกี่ยวกับการตวง ถ้วยคืออะไร ถ้วยตวง ชต. ชช. ช้อนตวงคืออะไร วิธีการใช้ถ้วยตวง ช้อนตวง >> คลิ๊กที่นี่ <<
:: วิธีทำ ::
อันดับแรกเรามาดูปลาอินทรีเค็มกันก่อนนะคะ ... สำหรับปลาอินทรีเค็มเนี่ย ถ้าเป็นชิ้นใหญ่หนาให้ใช้สัก 1 ชิ้นก็พอค่ะ แต่ที่พิมมีเป็นปลาชิ้นเล็ก ความกว้างของชิ้นปลาใหญ่กว่าส้อม (ที่คู่กับช้อน) ไม่มาก เพราะงั้นแล้วก็จะใช้ประมาณ 2 ชิ้นนะคะ
มะพร้าวขูด .. แนะนำให้ใช้มะพร้าวขูดขาวนะคะ จะได้ไม่มีกากดำ ๆ ลอยให้ขัดลูกตาอยู่ในหลน แต่ถ้าไม่สะดวกหา จะใช้มะพร้าวขูดธรรมดาก็ได้ค่ะ ส่วนกะทิในภาพพิมคั้นจากมะพร้าวขูดขาวนะคะ แต่ถ้าเพื่อนๆ หาไม่ได้ จะใช้มะพร้าวขูดธรรมดาก็ได้ แล้วพอคั้นเสร็จก็เอาผ้าขาวบางหรือผ้าบางๆ พับทบสัก 2 ชั้น กรองกากดำๆ ที่อาจจะมีหลงเหลือออกสักหน่อยค่ะ
ข่า .... พิมใช้ข่าแก่นะคะ หั่นเป็นแว่นบางๆ และซอยให้ละเอียดไว้ค่ะ
ตะไคร้ .... ใช้เฉพาะส่วนที่ขาว ๆ ล้างสะอาดแล้วซอยบางๆ ไว้เช่นกัน
หอมแดง ... ปกติถ้าเป็นหัวใหญ่ พิมจะใช้ประมาณ 3 หัว แต่ในภาพนั้นหัวจิ๋วมากค่ะ เลยใช้ประมาณ 6 หัวนะคะ
กระชาย .... ถ้ารากยาว ๆ ใช้สัก 7 รากก็พอ แต่ที่พิมมีเป็นกระชายปลูกเอง รากจะสั้นมาก ก็เลยใช้ประมาณ 10 รากค่ะ
พริกแห้งเม็ดใหญ่ (พริกชี้ฟ้าแห้ง) ..... ใช้ประมาณ 7 เม็ดใหญ่ นำแต่ละเม็ดมากรีดตรงกลางตามยาว แล้วเอาเมล็ดข้างในออกให้หมด ล้างน้ำสะอาด 1-2 ครั้ง แล้วแช่ในน้ำไว้จนนิ่ม พอนิ่มก็หยิบขึ้นมา บีบน้ำให้แห้ง พักไว้ค่ะ
ใบมะกรูด .... ฉีกเป็นชิ้นเล็ก ๆ (ไม่เอาเส้นกลางใบ)
ส่วนพริกขี้หนู ........ พิมใช้พริกขีหนูสวน เด็ดขั้วออก ล้างน้ำ แล้วเอาผ้าซับไว้ให้แห้งนะคะ ^_^
ดูส่วนผสมต่างๆ กันไปแล้ว มาดูวิธีทำกันต่อเลยค่ะ เริ่มต้นก็ให้เราเอาปลาอินทรีเค็มไปล้างสัก 1 น้ำนะคะ ซับผ้าทิชชู่อย่างหนาให้พอแห้ง ห่อด้วยใบตอง แล้วนำไปย่างบนเตาถ่านหรือย่างในเตาอบจนกระทั่งสุกค่ะ
เพิ่มเติม หากไม่มีใบตอง ห่อด้วยฟอยด์ได้ค่ะ หรือถ้าไม่สะดวกย่าง จะใช้วิธีนาบในกระทะ (ไม่ใส่น้ำมัน) จนกระทั่งสุกก็ได้เช่นกันค่ะ
สำหรับพิม วันนี้ไม่สะดวกก่อเตาเลยนำไปย่างในเตาตึ๊งซึ่งเป็นเตาที่ปรับอุณหภูมิไม่ได้ แต่ใช้เวลาในการย่างไปประมาณ 12-15 นาทีค่ะ
ย่างเสร็จ แกะออกมาก็จะได้ปลาอินทรีเค็มหน้าตาประมาณนี้นะคะ ^_^ ......... ก็พักเอาไว้ก่อน
จากนั้นหันมาตำเครื่องแกงกันค่ะ ด้วยการโขลกพริกที่แช่น้ำจนนิ่มและบีบจนแห้งแล้วรวมกับเกลือป่น 1/2 ชต. (จากในสูตร 1 + 1/2 ชต.) จนกระทั่งพริกละเอียด ไม่เหลือให้เห็นเป็นใบใหญ่ๆ ก็ใส่หอมแดง ตะไคร้ กระชาย ข่า ลงไป (ทุกอย่างหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ก่อนใส่) โขลกให้ละเอียด ก็ใส่มะพร้าวขูดและปลาอินทรีเค็ม (แกะเอาแต่เนื้อ) ลงไป โขลกให้ละเอียดอีกครั้ง ก็ใช้ได้ค่ะ
เมื่อเตรียมวัตถุดิบเสร็จ เตรียมเครื่องแกงเสร็จ ก็มาลงมือปรุงกันเลยค่ะ ..... เริ่มด้วยเอาหัวกะทิ 3/4 ถ้วย เทใส่หม้อใบย่อม ๆ นะคะ แล้วก็เอาหม้อไปตั้งไฟ รอจนกะทิเดือด และแตกมัน ก็ลดไฟลงเป็นไฟอ่อน
ตักเครื่องที่เราโขลกไว้ลงไปผัดให้หอม
พอหอมดี ก็เทหัวกะทิที่เหลือใส่ลงไป ปรุงรสด้วยเกลือป่นที่เหลือ และน้ำตาลปี๊บ รอจนน้ำตาลละลาย ก็ตักขึ้นมาชิมรสสักหน่อยว่าเป็นไปในทางไหน ซึ่งโดยปกติแล้วก็จะออกรสเค็มนำไม่มาก หวานตามนิด ๆ ค่ะ หากขาดรสไหนไปก็เติมเพิ่มเอาตามชอบเลยนะคะ
เพิ่มเติม ตอนปรุงรส อาจจะใส่แค่น้ำตาลปี๊บก่อน เพราะปลาอินทรีเค็มที่เราใช้มีความเค็มอยู่แล้ว ซึ่งถ้าปลาอินทรีนั้นเค็มพอเหมาะกับส่วนผสมของเรา บางทีแล้วเราอาจจะไม่ต้องใส่เกลือเลยก็ได้ แต่ถ้าหลังจากชิมแล้วรู้สึกว่าไม่เค็ม ค่อยเติมเกลือเพิ่มทีหลังก็ไม่สายค่ะ
จากนั้นเคี่ยวต่อไปอีกสักนิดจนกระทั่งปลาอินทรีเค็มคั่วของเรา มีมันสีแดงอมส้มลอยอยู่ที่ผิวหน้า และมีความข้นประมาณว่าเอาผักจิ้มได้ (ใชเวลาไม่นาน)
ก็ใส่พริกขี้หนูสวนและใบมะกรูดลงไป คนพอเข้ากัน รอเดือดอีกครั้ง ปิดไฟเตาได้เลยค่ะ
สุดท้ายก็ตักใส่ถ้วย เสริฟพร้อมผักสดต่าง ๆ เช่น มะระขี้นก ใบบัวบก มะเขือ แตงกวา ขมิ้นขวา ถั่วฝักยาว ถั่วพู หรือผักสดอื่นๆ ที่ชอบ
แล้วเราก็จะได้อาหารชุด "ปลาอินทรีเค็มคั่ว" ที่ออกมาหน้าตาและดูน่าทานอย่างในภาพด้านล่างนี่อ่ะค่ะ ^__^ ซึ่งขอบอกว่าแม้จะเป็นอาหารที่แลดูทำยุ่งยาก ขั้นตอนมากมาย ทั้งต้องย่าง โขลก ผัด เคี่ยว แต่ผลลัพธ์ที่ได้ออกมานั้นคุ้มค่ามากค่ะ เพราะขนาดคนที่ไม่เคยทานอย่างเพื่อนพิม ยังบอกว่าอร่อยเลยค่า (เอ๊ะ หรือว่าชมเพราะเป็นเพื่อนกันเนี่ย ^^")
ก็... ถ้าเพื่อน ๆ คนไหนสนใจก็ไปลองทำกันดูนะคะ อาจจะแลดูยุ่งยากนิ๊ดดดนึง และต้องใช้พลังงานตอนโขลกเครื่องมากหน่อย ก็ถือซะว่าได้บริหารท่อนแขนให้กระชับ ๆ ล่ะกัน แล้วเจอกันเมนูถัดไปนะคะ สวัสดีค่ะ ^_^